วายแอลจีชี้จีนเปิดประเทศหนุนตลาดทองคำกายภาพทะยานต่อเนื่องตลอดไตรมาส 1 คาดต้นปีนี้ตลาดทองคำสดใสกว่า 2 ปีก่อน มองเป้าหมายทองคำปีนี้มีโอกาสแตะ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือประมาณ 31,000 บาทต่อบาททองคำ
แต่ระหว่างปีอาจมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเป็นระยะ แนะสำหรับผู้ต้องการซื้อสะสมรอรับที่ 1,800-1,600 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ -เผยสัญญาณธนาคารกลางหลายประเทศสะสมทองคำต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 3 /2565 ส่วนราคาทองในประเทศไม่หวือหวาเหตุบาทแข็งฉุด
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (TFEX)
เปิดเผยว่า ตั้งต้นปีราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้วประมาณ 6% จากที่เปิดตลาดประมาณ 1,823 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากแรงซื้อจากจีนที่ฟื้นตัวรับการเปิดประเทศหนุนเงินหยวนที่แข็งค่ากดดันดอลลาร์ บวกกับการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะชะลอขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ จึงมองว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของทองคำในช่วงต้นปีจะยังคงเป็นขาขึ้นเกือบตลอด ทั้งไตรมาส 1
นอกจากนี้เทศกาลตรุษจีนในช่วงที่ผ่านก็ส่งผลให้ตลาดทองคำคึกคักเช่นกัน ดังนั้นในระยะสั้นวายแอลจีจึงมองเป้าหมายราคาทองคำมีโอกาสขึ้นไปที่ 1,960 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หรือ ประมาณ 30,500 บาทต่อบาททองคำ
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนทองคำในช่วงนี้หากต้องการเข้าซื้อสามารถทำได้แบบเก็งกำไรระยะสั้น ราว1,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เพราะมีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นได้ตามเป้าที่มองไว้ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
แต่ถ้าต้องการซื้อสะสม แนะนำให้รอราคาปรับตัวลง แถวๆ 1,650 - 1,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ กรอบแนวรับ 25,500-26,400 บาทต่อบาททองคำ ซึ่งแนวรับนี้เป็นกรอบของทั้งปี เพราะมองว่าไตรมาสแรกทองคำจะทะยานขึ้นไป
แต่หลังจากนั้นก็มีโอกาสเกิดแรงขายทำกำไร รวมถึงครึ่งปีแรกแม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายน้อยลง แต่ก็อาจจะสร้างแรงกดดันเป็นระยะๆ ราคาทองคำจึงมีโอกาสปรับฐานได้
ดังนั้นมองว่าราคาทองคำจะเป็นขาขึ้นในไตรมาสแรกและจะเป็นขาขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี ที่อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ขาขึ้นอีกต่อไปเพราะเริ่มได้รับแรงกดดันจากข่าวภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากเป็นเช่นนั้นก็จะส่งผลบวกต่อทองคำ
ปีนี้ทองคำยังได้รับปัจจัยหนุนจากแรงซื้อของธนาคารกลางหลายประเทศที่เริ่มสะสมทองคำตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2565 โดยพอร์ตลงทุนที่ดีควรมีทองคำ 5-10% เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนรวม ซึ่งช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น ทองคำยังทรงตัวในระดับสูง แม้จะมีบางช่วงที่ราคาปรับฐาน แต่ไม่มากเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่น
ส่วนราคาทองคำในประเทศนั้นมองว่าราคาในปีนี้จะไม่ปรับขึ้นอย่างหวือหวาเพราะค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
นักลงทุนสามารถปิดความเสี่ยงเรื่องค่าเงินได้ด้วยการลงทุนทองคำผ่าน ตลาด ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ทั้งการลงทุนโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส (Gold Online Futures) ที่เป็นการซื้อขายทองคำล่วงหน้าในรูปแบบดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนไม่ต้องมีความกังวลด้านความเสี่ยงจากการผันผวนของค่าเงินบาท
นอกจากนี้วายแอลจียังเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร
เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หุ้น ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ตามการลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน