BBL ย้ำยังดูแลลูกค้าให้ก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจ

25 ม.ค. 2566 | 00:48 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ม.ค. 2566 | 00:48 น.

แบงก์กรุงเทพห่วง " เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย"เผชิญความท้าทายทั้ง"เงินเฟ้อ การปรับขึ้นราคาสินค้าและดอกเบี้ย"ย้ำประคองลูกหนี้กลุ่มเปราะบางต่อเนื่อง

นายชาติศิริ   โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL

เปิดเผยว่า ในปี 2566 แม้ว่าสถานการณ์ COVID-19 จะคลี่คลายลงบ้าง แต่ภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะเผชิญความท้าทายในเรื่องต่างๆ


 ทั้งภาวะเงินเฟ้อ ความผันผวนของราคาสินค้า การทยอยปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ การฟื้นตัวของลูกหนี้ในกลุ่มต่าง ๆ อาจจะไม่เท่ากัน ปัจจัยดังกล่าวอาจจะมีผลกระทบกับกลุ่มเปราะบางที่ต้องมีการดูแลช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังต้องให้ความสำคัญกับความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของห่วงโซ่อุปทานระดับโลก (Global Supply Chain) ด้วย

 

ธนาคารกรุงเทพให้ความสำคัญอย่างยิ่งในการดูแลลูกค้าทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง พร้อมเป็น “เพื่อนคู่คิด” ที่อยู่เคียงข้างและก้าวผ่านวิกฤตไปด้วยกันในทุกสถานการณ์ และคาดหวังได้เห็นลูกค้าทุกรายสามารถเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน 

ธนาคารมุ่งเน้นทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เป็นที่ปรึกษา และดูแลลูกค้าให้เหมาะสมกับสถานการณ์และความต้องการของลูกค้าแต่ละราย โดยแบ่งการดูแลลูกค้าเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

กลุ่มลูกค้าที่ยังขาดสภาพคล่อง  ธนาคารจะเร่งช่วยเหลือ ประคับประคองให้มีสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน ไม่เพิ่มภาระการชำระหนี้ให้กับลูกค้าในระยะนี้ โดยเฉพาะลูกค้าที่เปราะบาง 

เช่น บางรายอาจต้องขยายระยะเวลาชำระหนี้ หรือการปรับลดยอดผ่อนลงมา ให้สอดคล้องกับรายได้และความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนในช่วงที่ธุรกิจเริ่มฟื้นตัว 

ซึ่งธนาคารจะช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียนเพื่อให้สามารถค้าขายหรือผลิตสินค้าบริการได้ตามความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น
กลุ่มลูกค้าที่ต้องการการสนับสนุนเพื่อปรับรูปแบบธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป 

และการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงเรื่อง ESG โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อเพิ่มเติมในการปรับตัวดังกล่าว เพื่อให้ลูกหนี้สามารถแข่งขันและดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างยั่งยืน


ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือต่าง ๆ ของ ธปท. ก็ยังสามารถใช้ในการช่วยเหลือลูกค้าได้อยู่ ได้แก่ มาตรการแก้หนี้อย่างยั่งยืน มาตรการสินเชื่อฟื้นฟูและสินเชื่อเพื่อการปรับตัว มาตรการพักทรัพย์พักหนี้ มาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ลูกหนี้

 

ธุรกิจที่มีเจ้าหนี้หลายราย มาตรการแก้หนี้ระยะยาวด้วยการรีไฟแนนซ์และการรวมหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่อรายย่อยประเภทอื่น โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ธุรกิจสัมพันธ์  สำนักธุรกิจ หรือ สาขาธนาคารทั่วประเทศ และบริการบัวหลวงโฟน


 นายชาติศิริกล่าวให้ความเห็น ถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกรุงเทพโดยระบุว่าต้องขอรอดูทิศทางของคณะกรรมการนโนบายการเงิน (กนง.) และตลาดก่อน 

 

อย่างไรก็ดี การขึ้นดอกเบี้ยจะต้องอยู่บนหลักการความระมัดระวัง และเหมาะสม โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังจะพิจารณาการปรับดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง

 

และการปรับขึ้นไม่ควรเป็นภาระของลูกค้าและธุรกิจ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของธุรกิจและเศรษฐกิจต่อไป