จากกรณีมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ หลอกให้โอนเงินทั้งทางโทรศัพท์ และช่องทางออนไลน์อื่นๆ โดยมักมีบัญชีม้า เป็นบัญชีรับโอน โดยปัจจุบันมีคดีอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอยู่ในระบบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติกว่า 2 แสนคดี
ล่าสุด นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า วันนี้ ครม. มีมติเห็นชอบร่างพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. ....ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้นำเสนอมายัง ครม. เรียบร้อยแล้ว
สาระสำคัญของร่างพ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
การอายัดบัญชี และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือบัญชีม้า
การอายัดบัญชี และธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือบัญชีม้า โดย การแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีและธุรกรรมของลูกค้าที่น่าสงสัย ระหว่างสถาบันการเงินหรือผู้ประกอบการที่เก็บข้อมูลบัญชีเงินฝากหรือธุรกรรม กับ ผู้ประกอบการโทรศัพท์ ผ่านระบบกลางหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กรมสอบสวนคดีพิศษ(ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เห็นชอบร่วมกัน
กรณีจำเป็นต้องทราบข้อมูลการลงทะเบียนผู้ใช้งาน เนื่องจากพบเหตุอันควรสงสัยว่า มีการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและมีความ ให้สตช. ดีเอสไอ หรือปปง. มีอำนาจสั่งให้ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม เปิดเผยข้อมูลที่เกี่ยวข้อง และจัดส่งข้อมูลดังกล่าวภายในระยะเวลาที่กำหนด
กรณีที่สถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจพบเหตุต้องสงสัย ว่าอาจมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ให้สถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจ มีหน้าที่ระงับการทำธุรกรรมนั้นไว้ทันทีเป็นการชั่วคราวไม่เกิน 7วัน และแจ้งสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจที่รับโอนถัดไปทราบ
กรณีผู้เสียหาย แจ้งไปยังสถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจ เกี่ยวกับบัญชีที่มีความเชื่อมโยงอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ให้สถาบันการเงิน หรือผู้ประกอบธุรกิจมีหน้าที่ระงับการทำธุรกรรมนั้นไว้ชั่วคราว พร้อมทั้งนำข้อมูลเข้าสู่ระบบ เพื่อให้สถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจผู้รับโอนทราบและระงับการทำธุรกรรมดังกล่าวไว้ทันที และแจ้งให้ผู้เสียหายไปร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจภายใน 72 ชั่วโมง
เปิดบทลงโทษ
มาตรา 9
ผู้ใดเปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน โดยรู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือความผิดอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 10
ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าว เพื่อให้มี การซื้อ ขาย ให้เช่า หรือให้ยืม บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้ในการกระทำความผิด มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,00 – 500,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 11
ผู้ใดเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใด ๆ เพื่อให้มีการซื้อ หรือขายเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้ลงทะเบียนใช้งานซิมการ์ดแล้ว มีโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ปี ถึง 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,00 – 500,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ