ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุนสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย) จำกัดระบุว่า ภายหลังผลการเลือกตั้งต่อตลาดเงินตลาดทุนนั้น โดยรวมต้องใช้เวลาเปลี่ยนขั้วทำให้นักลงทุนที่วาง position ไว้เดิมต้องขายก่อนเพื่อรอซื้อใหม่ อย่างไรก็ดีมองกลุ่มลงทุนคล้ายเดิมคือเน้นที่การบริโภคภาคเอกชนก่อน
ส่วนมุมมองต่างชาติ ส่วนใหญ่ไม่รีบร้อนเพราะภาพเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวแรง แต่เชื่อว่าความชัดเจนจากผลเลือกตั้งเป็นบวกมากขึ้น
และลดความเสี่ยงการใช้นโยบายกระตุ้นมากเกินไปซึ่งอาจเป็นภาระด้านการคลัง
ด้านเงินบาทยังไม่เปลี่ยนมุมมอง เพราะเป็นไปตามคาดส่วนใหญ่ เชื่อว่าครึ่งหลังของปีจะมีแรงหนุนจากกระแสดอลลาร์อ่อนได้มากขึ้น เนื่องจากการเมืองในประเทศมีความชัดเจน มองสิ้นปี 32.5บาท
อย่างไรก็ตามกลุ่มหุ้นที่ได้รับแรงกดดันจากผลการเลือกตั้งใหญ่ 2566 ได้แก่
1. กลุ่มโรงไฟฟ้า - กลุ่มโรงไฟฟ้าจะเจอแรงกดดันจากมาตรการลดค่าไฟฟ้า 70สตางค์/หน่วย (ลดทันที) มองเป็น Sentiment ลบกับโรงไฟฟ้า SPP อย่าง BGRIM GPSC รวมถึงการประมูลโรงไฟฟ้าต่างๆในอนาคตกระทบราคาหุ้น GULF GUNKUL
2. กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ - กลุ่มโรงแรม, ร้านอาหารอาจจะเจอแรงกดดันจากค่าแรง 450 บาท (ขึ้นทันที) และ การทำงานไม่เกิน 40 ชม. ต่อสัปดาห์หากเกินต้องได้ OT ขึ้นทันที
โดยต้นทุนแรงงานคิดเป็นสัดส่วนราว 10-25% (SG&A to salesแล้วแต่บจ.) มองเป็นลบกับ CENTEL ZEN M
3. กลุ่มสื่อสาร - มองเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มสื่อสารอาทิ ADVANC INTUCH TRUE จากประเด็นการควบรวมกิจการในอนาคตจากนโยบายหลักของพรรคก้าวไกลนั่นคือ Demonopolize Decentralize Demilitarize
4. กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย - มองเป็น Sentiment ลบต่อราคาหุ้น SC SIRI หลังพรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ตามที่ตลาดคาด ทำให้ราคาหุ้นอาจโดน De-rate จากตลาดในอนาคตอันสั้น
#CGSCIMB_Strategy
#CGSCIMB_Macro_and_Wealth_Research