จากปัญหาการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ของ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ "JKN" ใน หุ้นกู้รุ่น "JKN239A" จนหัวเรือใหญ่อย่าง นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ผู้ถือหุ้นใหญ่และ CEO ของทาง JKN ต้องออกตัวยืนยันว่า ยังมีความมั่นใจในบริษัทอย่างเต็มที่ และถือหุ้นทั้ง 25% ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยไม่ทิ้งหุ้นที่ถืออยู่ในมืออย่างแน่นอน และเชื่อมั่นว่าบริษัทจะยังเดินหน้าต่อไปได้จนสามารถหาเงินมาชำระหนี้ได้ทั้งหมด
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้ตรวจสอบข้อมูลผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่าในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมาหากเปรียบเทียบมูลค่าทางตลาด หรือ "มาร์เก็ตแคป" ก่อนมีปัญหา และหลังมีปัญหา การขอเลื่อนนัดชำระหนี้หุ้นกู้นั้น
JKN มีมาร์เก็ตแคป เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 66 ก่อนมีปัญหาหุ้นกู้ที่ 2,455.44 ล้านบาท (ราคาหุ้นที่ 2.38 บาทต่อหุ้น) ลดลงเหลือ 1,052.33 ล้านบาท (ราคาต่ำสุดที่ 1.02 บาทต่อหุ้นเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 ก.ย. 66) หรือ "มาร์เก็ตแคปหายไปถึง 1,403.11 ล้านบาท" ก่อนที่ราคาจะดีตัวปิดตลาดที่ 1.30 บาทต่อหุ้น (4 ก.ย. 66) กลับมามีมาร์เก็ตแคป 1,341.21 ล้านบาท หรือหายไปราว 1,114.23 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังพบว่าในช่วง 4 วันทำการที่ผ่านมาราคาหุ้น JKN ปรับตัวลดลงไปกว่า 59% จากที่ระดับราคา 2.50 บาท (30 ส.ค. 66) ลงไปแตะราคาต่ำสุดเมื่อเช้าวานนี้ (4 ก.ย. 66) ที่ราคา 1.02 บาท ก่อนดีดตัวขึ้นปิดตลาดที่ราคาที่ 1.30 บาท
ผู้ถือหุ้น 10 รายแรกของ "JKN" ประกอบด้วย
ขณะที่สัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ของ JKN อยู่ที่ 22,361 ราย คิดเป็นสัดส่วน 70.31%
สำหรับหุ้นกู้รุ่น "JKN239A" มีวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 66 จำนวนเงินต้น และดอกเบี้ยทั้งสิ้น 609,981,369.86 บาท โดยมีการชำระไม่เต็มจำนวน โดยจะชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยรวม 156,600,000 บาท ในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ (1 ก.ย. 66)
และยังคงเหลือยอดค้างชำระอีก 443,400,000 บาท บริษัท เตรียมขอมติจากผู้ถือหุ้นกู้ โดยการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขอเลื่อนกำหนดชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ยโดยเร็วที่สุดจากกรณีดังกล่าว