ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ย. “อ่อนค่าเล็กน้อย”ที่ระดับ 33.27 บาทต่อดอลลาร์

17 ก.ย. 2567 | 00:56 น.
อัพเดตล่าสุด :17 ก.ย. 2567 | 01:59 น.

ค่าเงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways เหตุผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก ควรจับตาทิศทางราคาทองคำและราคาน้ำมันดิบ

ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ 17ก.ย. 2567 ที่ระดับ  33.27 บาทต่อดอลลาร์ “อ่อนค่าลงเล็กน้อย”จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ  33.21 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน  พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่าแนวโน้มของค่าเงินบาท เราประเมินว่า เงินบาทอาจยังคงแกว่งตัว sideways แถวโซน 33.30 บาทต่อดอลลาร์ ไปก่อนได้ เนื่องจากผู้เล่นในตลาดต่างก็รอลุ้นผลการประชุมบรรดาธนาคารกลางหลัก

โดยเฉพาะเฟด ในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ นี้ ทำให้เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับเปลี่ยนสถานะถือครองสินทรัพย์อย่างชัดเจน จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุมเฟดดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ควรจับตาทิศทางราคาทองคำ รวมถึงราคาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน เนื่องจากโฟลว์ธุรกรรมที่เกี่ยวกับสินค้าโภคภัณฑ์ดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเงินบาทพอสมควรในช่วงที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน บรรดานักลงทุนต่างชาติก็อาจทยอยขายทำกำไรสถานะถือครองสินทรัพย์ไทยออกมาได้บ้าง ซึ่งอาจช่วยชะลอการแข็งค่าของเงินบาทก่อนที่ตลาดจะทยอยรับรู้ผลการประชุมเฟดได้

ทั้งนี้  ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ในคืนนี้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ช่วงเวลา 19.30 น. ตามเวลาประเทศไทย (ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ) โดยหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาดชัดเจน ก็อาจลดความคาดหวังของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดลงได้บ้าง

แต่อาจไม่มากนัก ทำให้ เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวขึ้นบ้าง กดดันทั้งราคาทองคำและเงินบาท เปิดโอกาสให้เงินบาทสามารถอ่อนค่าลงทดสอบโซน 33.40 บาทต่อดอลลาร์ ได้

ในทางกลับกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาดชัดเจน ก็จะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เล่นในตลาดว่า เฟดจะเริ่มเร่งลดดอกเบี้ยลงได้ กดดันให้เงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อาจปรับตัวลดลงต่ออีกครั้ง ส่งผลให้ ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบจุดสูงสุดใหม่

ส่วนเงินบาทก็อาจแข็งค่าขึ้นทดสอบโซน 33.10-33.15 บาทต่อดอลลาร์ ได้ไม่ยาก หรือเสี่ยงที่จะหลุดโซนแนวรับดังกล่าว จนไปถึงแนวรับสำคัญ 33.00 บาทต่อดอลลาร์ ที่เราประเมินไว้เมื่อต้นสัปดาห์ได้

เรายังคงมองว่า เงินบาทยังมีโอกาสเคลื่อนไหวผันผวนไปตาม การเปลี่ยนแปลงไปมาของปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางค่าเงินบาท อย่าง มุมมองของผู้เล่นในตลาดต่อแนวโน้มดอกเบี้ยเฟด หรือ

การปรับสถานะถือครองเงินดอลลาร์ ทำให้ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน

มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.10-33.40 บาท/ดอลลาร์ (ควรระวังความผันผวนในช่วงทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

 

โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่าลงเล็กน้อย แต่โดยรวมยังคงแกว่งตัวในกรอบ 33.10-33.30 บาทต่อดอลลาร์ที่เราประเมินไว้ในวันก่อนหน้า หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟดในช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสฯ ตามเวลาในประเทศไทย

ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจนต่อไป ทำให้โดยรวม เงินดอลลาร์ยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways เช่นเดียวกันกับราคาทองคำที่ยังคงเคลื่อนไหวไร้ทิศทางที่ชัดเจน หลังจากปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ในช่วงนี้

แม้ว่าบรรยากาศในฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะได้แรงหนุนจากความหวังการเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ของเฟดในการประชุมเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ (จาก CME Fedwatch Tool ผู้เล่นในตลาดให้โอกาสเฟดเร่งลดดอกเบี้ยราว 62%)

ทว่า ความกังวลแนวโน้มผลประกอบการของ Apple -2.8% ได้กดดันให้บรรดาหุ้นเทคฯ ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของ Apple ต่างปรับตัวลดลง โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Semiconductor ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลง -0.52% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.13% ขณะที่ดัชนี Down Jones ปรับตัวขึ้น +0.55%

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 พลิกกลับมาย่อตัวลง -0.16% กดดันโดยแรงขายทำกำไรบรรดาหุ้นธีม AI/Semiconductor อาทิ ASML -1.9% หลังหุ้นกลุ่มดังกล่าวได้ปรับตัวขึ้นพอสมควรในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ยังไม่สดใส ก็มีส่วนกดดันหุ้นกลุ่มยานยนต์และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยของยุโรป

ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ทยอยปรับตัวลงเล็กน้อยสู่ระดับ 3.62% หลังผู้เล่นในตลาดยังคงคาดหวังว่า เฟดจะเริ่มเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ได้ในการประชุมเดือนกันยายนนี้ และเฟดก็ยังมีโอกาสเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกไม่น้อยกว่า -125bps ในปีหน้า ท่ามกลางมุมมองของอดีตเจ้าหน้าที่เฟด อดีตที่ปรึกษาประธานเฟด

รวมถึงนักเศรษฐศาสตร์ที่เคยทำงานกับเฟด อาทิ คุณ Claudia Sahm ผู้คิด Sahm’s Rule ซึ่งต่างออกมาสนับสนุนการเร่งลดดอกเบี้ยของเฟดดังกล่าว ทั้งนี้ เราคงมุมมองเดิมว่า บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่อาจผันผวนสูงขึ้นได้บ้าง หากเฟดไม่ได้เร่งลดดอกเบี้ยและไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งลดดอกเบี้ย อย่างที่ตลาดกำลังคาดหวัง

โดยเราคงเน้นกลยุทธ์ “Buy on Dip” หรือรอจังหวะบอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ในการเข้าซื้อบอนด์ระยะยาว ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดที่มีสถานะถือครองบอนด์ระยะยาวอยู่แล้วนั้น ก็สามารถ Let Profits Run หรืออาจพิจารณาทยอยขายทำกำไรได้บ้าง ตามความเหมาะสม (Sell on Rally)

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways หลังผู้เล่นในตลาดต่างรอลุ้นผลการประชุม FOMC ของเฟด ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจน ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวแถวโซน 100.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 100.6-101.8 จุด)

ในส่วนของราคาทองคำ ผู้เล่นในตลาดบางส่วนได้ทยอยขายทำกำไรการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำออกมาบ้าง พร้อมทั้งรอจับตาผลการประชุม FOMC ของเฟดในสัปดาห์นี้ ทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ยังคงแกว่งตัวแถวระดับ 2,610 ดอลลาร์ต่อออนซ์

สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผ่านรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนสิงหาคม รวมถึงยอดผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production)

และคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 โดย Atlanta Fed ซึ่งหากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังกล่าว ออกมาแย่กว่าคาดและส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจมากขึ้น ก็อาจทำให้ผู้เล่นในตลาดยิ่งเชื่อว่า เฟดอาจเร่งลดดอกเบี้ย -50bps ได้ในการประชุมเดือนกันยายนนี้

ส่วนในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามมุมมองของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย พร้อมรอลุ้น รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนี (ZEW Economic Sentiment) เดือนกันยายน

 

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า เงินบาทปรับตัวอยู่ที่ระดับประมาณ 33.28-33.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในช่วงเช้าวันนี้ (8.55 น.) เทียบกับระดับปิดตลาดวานนี้ที่ 33.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยเงินบาทขยับอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปิดตลาดวันก่อนหน้าตามแรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ เพื่อปรับโพสิชันบางส่วนก่อนการประชุมเฟดในช่วงกลางสัปดาห์

ประกอบกับตลาดยังคงรอติดตามตัวเลขยอดค้าปลีกเดือนส.ค. ของสหรัฐฯ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญตัวสุดท้ายก่อนการประชุมเฟด อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของเงินบาทอาจมีความผันผวนระหว่างวัน เพราะตลาดยังคงปรับมุมมองเกี่ยวกับโอกาสของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในขนาดที่เกินว่า 25 basis points อยู่

สำหรับกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ ประเมินเบื้องต้นไว้ที่ 33.20-33.45 บาทต่อดอลลาร์ฯ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์สกุลเงินในเอเชียและราคาทองคำในตลาดโลก รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาทิ ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.