ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีหนังสือสั่งการตามมาตรา 35 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 (พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ไปยัง Bitazza ให้แก้ไขระบบเปิดบัญชีและทำความรู้จักลูกค้า ระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าประเภทเงินบาท การประกอบกิจการอื่น
และมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) และการเข้าถึงข้อมูลของบริษัท ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ลูกค้า ตามมติของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (คณะกรรมการ ก.ล.ต.) ทั้งนี้ Bitazza ได้ชี้แจงมายัง ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 แล้วนั้น
คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุม ครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 พิจารณาแล้วเห็นว่า Bitazza สามารถแก้ไขการดำเนินงานในเรื่องระบบการเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าประเภทเงินบาท การประกอบกิจการอื่น และมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ (COI) และการเข้าถึงข้อมูลของบริษัทได้
ทั้งนี้ บริษัทยังไม่สามารถแก้ไขการดำเนินงานในเรื่องการทำความรู้จักและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าของบริษัทที่บกพร่องได้ตามการสั่งการของคณะกรรมการ ดังนั้น ทางคณะกรรมการ ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 35 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีมติสั่งการให้ Bitazza ระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน 2567
โดยในระหว่างที่บริษัทระงับการเปิดรับลูกค้าใหม่ Bitazza ต้องดำเนินการ ดังนี้
ในการนี้ ให้ Bitazza ดำเนินการแก้ไขตามแผนการแก้ไขที่เสนอตามข้อที่ 1 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567 และรายงานความคืบหน้าการดำเนินการต่อ ก.ล.ต. จนกว่าจะแล้วเสร็จ โดยบริษัทจะสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติเมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
นายเอนก อยู่ยืน รองเลขาธิการ และโฆษก ก.ล.ต. กล่าวว่า ก.ล.ต. ให้ความสำคัญในการติดตามการดำเนินงานของผู้ประกอบธุรกิจเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ประกอบธุรกิจได้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด หากบริษัทดำเนินการแก้ไขแล้วเสร็จ สามารถส่งเอกสารหลักฐานให้ ก.ล.ต. ได้ทันที โดย ก.ล.ต. จะตรวจสอบการดำเนินการดังกล่าวของบริษัทก่อนเสนอคณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ