ยอดจองซื้อทะลัก NER ปิดขายหุ้นกู้ 2,814.30 ล้าน

09 ก.ย. 2565 | 08:38 น.
อัปเดตล่าสุด :09 ก.ย. 2565 | 15:40 น.

นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ปลื้ม นักลงทุนตอบรับหุ้นล้น ปิดยอดจองซื้อ 2,814.30 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัทฯ สะท้อนถึงปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง มั่นใจปี 2565 เติบโตอย่างต่อเนื่อง

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์   ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ NER เปิดเผยว่า บริษัทฯได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ในการเสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด รวมไม่เกิน 2,000 ล้านบาที่เสนอขายระหว่าง 5-7 กันยายนที่ผ่านมา ปรากฎว่า มีผู้จองซื้อหุ้นกู้มากกว่าจำนวนที่เสนอขายมูลค่า 2,000 ล้านบาท บริษัทจึงนำหุ้นกู้สำรองมาเสนอขายเพิ่มเติมอีก 814.30 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการออกหุ้นกู้ทั้งสิ้น 2,814.30 ล้านบาท 

 

ยอดจองซื้อทะลัก NER ปิดขายหุ้นกู้ 2,814.30 ล้าน

ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2565 ของบริษัทแบ่งออกเป็น 2 ชุด คือ

  • หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.65% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 จำนวน 1,161.50 ล้านบาท
  • หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.40% ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2572 จำนวน 1,652.80 ล้านบาท

“หุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนที่มีต่อฐานะทางการเงินและผลการดำเนินงานของ NER ที่ยังคงสามารถเติบโตได้ ทั้งนี้เป็นผลมาจากแผนการขยายธุรกิจที่มีความต่อเนื่องและชัดเจน ความมุ่งมั่นในการบริหารงาน ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการบริหารจัดการฐานะทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ”นายชูวิทย์กล่าว

 

สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อวัตถุดิบ และ/หรือสต๊อกสินค้าคงเหลือของบริษัท ซึ่งจะทำให้บริษัทจะมีแหล่งเงินทุนที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจได้เป็นอย่างดี บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับเครดิตขององค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2565 โดยอันดับเครดิตสะท้อนสถานะในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท จากราคายางพาราที่ปรับขึ้น นอกจากนี้ยอดส่งออกสินค้ามีความคล่องตัวดีขึ้น จากสถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์ที่ดีขึ้น ประกอบกับมีปริมาณออเดอร์ใหม่ๆเพิ่มขึ้น จากลูกค้ารายใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ อินเดีย ,ฮ่องกง, สิงคโปร์ และจีน

 

ส่วนแผ่นปูรองปศุสัตว์ปัจจุบันได้ติดตั้งเครื่องจักรและเริ่มการผลิตเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้แก่บริษัท เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง โดยมองว่าความต้องการแผ่นปูรองนอนปศุสัตว์ในอุตสาหกรรมยังดีต่อเนื่อง

 

นอกจากนี้ปลายปี 2566 คาดว่าจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาสินค้า ซึ่งจะทำให้ยอดขายสินค้าปลายน้ำเติบโตมากขึ้นกว่าที่ประมาณการไว้ ทั้งนี้ บริษัทฯจะมุ่งมั่นดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ควบคู่กับการบริหารงานเชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโตที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป