นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมา โมบายแบงกิ้ง แอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์หลายแห่งขัดข้องบ่อย ทำให้ลูกค้าผู้ใช้บริการเกิดความเดือดร้อนและสูญเสียโอกาสหลายอย่าง เช่น ไม่สามารถเข้าใช้งานโอนเงิน ชำระบิล หรือกดเงินออกจากตู้เอทีเอ็มในกรณีไม่มีบัตรเดบิตได้
ดังนั้น ธปท.เตรียมยกระดับการดูแลระบบเทคโนโลยีของธนาคารพาณิชย์ในเรื่อง โมบายแบงกิ้ง แอปพลิเคชัน โดยคาดว่าในช่วงต้นปี 2566 น่าจะมีแนวทางกำกับที่เข้ามาดูแลอย่างชัดเจน โดยศึกษาจากของต่างประเทศด้วยว่าได้ผลอย่างไร
สำหรับแนวทางกำกับดูแลของ ธปท.ในเรื่องโมบายแบงก์กิ้ง แอปพลิเคชั่นนั้น จะดูให้มีแนวทางเข้มงวดมากขึ้น เช่น ในเรื่องกรอบระยะเวลาว่าจะหากเกิดการล่ม จะได้นานเท่าไรต่อวัน ล่มได้กี่วัน จะมีความรุนแรงของบทลงโทษ หรือแนวทางกำกับดูแลที่เข้มข้นขึ้น
จากที่ผ่านมาบทลงโทษของธปท.ในเรื่องโมบายแบงก์กิ้งของธนาคารขัดข้อง มีทั้งการตักเตือน คือขั้นเริ่มต้น หากยังมีปัญหาขัดข้องอีกจะเป็นเรื่องของการสั่งการให้ดูแลลูกค้า หรือระบบโมบายแบงก์กิ้ง และสุดท้ายคือการเปรียบเทียบปรับธนาคารที่ระบบโมบายแบงก์กิ้งมีปัญหา ซึ่งจะต้องดูตามระดับความรุนแรง หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นว่ามากน้อยแค่ไหน มีการปรับปรุงทันทีหรือไม่
“ที่ผ่านมามีธนาคารแห่งหนึ่งที่แอปโมบายล่ม 2-3 วันติด ทำให้ลูกค้าได้รับความเดือดร้อน โดยเฉพาะผู้ที่รับเงินเดือนผ่านบัญชีนั้นและไม่มีบัตรเดบิต ไม่สามารถกดเงินออกมาใช้ได้ จึงได้สั่งการให้ธนาคารแห่งนั้น รีบดูแลลูกค้า และแก้ไขปัญหาโดยด่วน โดยให้ออกบัตรเดบิตฟรีค่าแรกเข้า เพื่อให้ลูกค้าได้มีบัตรกดเงินสดออกมาจากตู้เอทีเอ็มได้”นางสาวสิริธิดากล่าว