หลังจาก บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนพฤษภาคม 25ุ65 ที่ผ่านมา ระดมทุนได้เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 924 ล้านบาท เงินระดมทุนที่ได้จะนำมาขยายธุรกิจ ล่าสุด นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย และการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า บริษัทได้ทยอยนำเงินทุนที่ได้จากการระดมทุน ทั้งจากการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (ไอพีโอ) และหุ้นกู้ที่มีวงเงินรวมประมาณ 924 ล้านบาท ไปลงทุนซื้อหนี้ NPLs อย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันบริษัทประมูลซื้อหนี้ NPLs จากสถาบันการเงินต่อเนื่อง เมื่อนับรวมกับการเข้าลงทุนซื้อหนี้ในช่วงปลายไตรมาส 2 ที่ได้เข้าลงทุนในหนี้จำนวน 540 ล้านบาท ทำให้นับจากที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้นำเงินที่ได้รับจากการระดมทุน และการออกหุ้นกู้เข้าประมูลซื้อหนี้จากสถาบันการเงินรวม 720 ล้านบาท (9 เดือนแรก) ซึ่งใกล้เคียงเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ว่าภายในปี 2565 จะเข้าลงทุนซื้อหนี้ NPLs ประมาณ 800 ล้านบาท
“บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถเข้าลงทุนในหนี้ NPLs ได้ตามเป้าหมายหรืออาจทำได้มากกว่าเพราะถึงตอนนี้ได้เข้าลงทุนในหนี้เพิ่มเข้ามาแล้ว 90% ของเป้าหมายที่ตั้งไว้ และยังมีหนี้ที่ขณะนี้บริษัทได้ยื่นประมูลหนี้ NPLs เข้าไปประมาณ 300- 500 ล้านบาท ที่รอผลการประมูล ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่การเข้าลงทุนหนี้ของบริษัทอาจทำได้มากกว่าเป้าหมาย” นายทวีกล่าว
นายทวี กล่าวว่า หลังจากบริษัทมีสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน mai และมีเงินทุนที่เพิ่มเข้ามาทำให้ความสามารถในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้น บริษัทเป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตของบริษัทเพิ่มมากขึ้น ซึ่งนับจากเข้า mai จนถึงปัจจุบันพอร์ตหนี้ NPLs ของบริษัทเติบโตขึ้นจาก 565 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ขึ้นมาอยู่ที่ 1,126 ล้านบาท และยังเชื่อมั่นว่าจะเติบโตได้อีกตามปริมาณหนี้ NPLs ที่สถาบันการเงินนำออกมาประมูล อีกทั้งมองว่าปีหน้าก็จะมีปริมาณที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่จะหมดอายุลงและเชื่อมั่นว่าบริษัทจะมีการเติบโตปีละประมาณ 50% ได้อย่างต่อเนื่อง
“บริษัทยังคงรักษาจุดเด่นที่แข็งแกร่ง คือความสามารถในการทำกำไร ที่อยู่ในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) ยังคงอยู่ในระดับ 85% และบริษัทยังคงเน้นลงทุนในหนี้ NPLs ที่เป็นธุรกิจเป็นหลักในสัดส่วนกว่า 88% ของเงินลงทุนในหนี้ NPLs ทั้งหมดของบริษัทเป็นลูกหนี้สินเชื่อธุรกิจ เพราะมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมากว่า 20 ปี และในการเลือกเข้าประมูลหนี้ก็จะดูในเรื่องของราคาและผลตอบแทน (IRR) ที่จะเกิดขึ้นจะต้องอยู่ในระดับที่ดี หรือเฉลี่ยต้องมากกว่า 15-20%” นายทวีกล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 9 เดือนที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 70.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.69 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
“ผลการดำเนินงานของบริษัทถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายและภายหลังประกาศงบออกมาธุรกิจของบริษัทยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนมาขอเข้ามาพบและฟังข้อมูลและทิศทางการทำธุรกิจของบริษัทในอนาคตต่อเนื่อง”
สำหรับราคาหุ้น KCC ปิดตลาดวันนี้ เวลา 16.30 น. ราคาอยู่ที่ 7.15 บาท