นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารกษ์ เปิดเผยว่า ในปี 2566 กรมจะมีการทบทวนผลตอบแทนค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันมี 1.14% ของรายได้กรมว่าเหมาะสมหรือไม่ หรือควรจะต้องมีการปรับปรุงโดยกรมได้วางเป้าหมายว่า ค่าเช่าที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ควรอยู่ที่ 3% ของรายได้ แต่ที่ผ่านมาเก็บได้เฉลี่ยเพียง 1% หากเศรษฐกิจดีขึ้นก็จำเป็นที่ขะค่อยๆ ขยับขึ้น
"ยืนยันว่าจะไม่มีการปรับขึ้นค่าเช่าที่ราชพัสดุเพื่ออยู่อาศัย และการเกษตร เพราะต้องการดูแลผู้มีรายได้น้อย ให้มีที่อยู่อาศัยและที่ทำกินอยู่แล้ว แต่ที่ราชพัสดุที่ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ จะมีการทบทวนให้สอดคล้องกับสถานการณ์และสภาพเศรษฐกิจมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ของค่าเช่าที่ราชพัสดุให้เพิ่มขึ้นในอนาคต"
นอกจากนี้ กรมยังมีนโยบายลงสำรวจเพื่อพัฒนาการจัดเก็บค่าเช่าที่ราชพัสดุทั่วประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างหารือกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือจีสท์ดา เพื่อขอให้นำข้อมูลภาพถ่ายทางดาวเทียมมาช่วยสำรวจที่ราชพัสดุ เพื่อช่วยลดเวลาการทำงานของเจ้าหน้าที่ธนารักษ์ที่บุคลากรมีจำกัด
“จากนั้นจะมาตรวจสอบว่ามีการใช้ประโยชน์ถูกต้องตามที่มาขออนุญาตเช่าหรือไม่ เช่น ที่แปลงไหนเคยเป็นสัญญาเป็นที่อยู่อาศัย หรือเพื่อการเกษตร แต่ต่อมาไปใช้งานเป็นเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม ก็จะต้องมาทำสัญญาใหม่และคิดค่าเช่าเป็นเชิงพาณิชย์แทน เพราะค่าเช่าที่อยู่อาศัยราคาจะถูกกว่าเชิงพาณิชย์มาก”
ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมฯมีที่ราชพัสดุจำนวน 12.7 ล้านไร่ โดยให้ส่วนราชการใช้งาน 10.5 ล้านไร่ และให้เช่าในรูปแบบต่างๆ 940,000 ไร่ แบ่งเป็นให้เช่าเพื่อการอยู่อาศัย 95,000 ไร่ ให้เช่าเพื่อทำการเกษตร 53,000 ไร่ และส่วนที่ราชที่เช่าเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม 28,000 ไร่