นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ โฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการลักลอบนำเนื้อสุกรและชิ้นส่วนสุกรที่มีถิ่นกำเนิดจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2565 ถึงปัจจุบัน มีจำนวนทั้งหมด 14 คดี รวม 174,832 กิโลกรัม มูลค่า 35,584,340 บาท
ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 กรมศุลกากรก็ได้รับแจ้งว่าจะมีการลักลอบนำเอาเนื้อสุกรที่ชำแหละแล้วจากฝั่งประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศทางตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาในพื้นที่บ้านหนองเอี่ยน ตำบลท่าข้าม อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
“เราได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารกรมทหารพรานที่ 13 และเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ จังหวัดสระแก้ว นำกำลังไปทำการตรวจสอบบริเวณดังกล่าว พบชายชาวกัมพูชา 2 คน ขณะลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรแช่แข็งบรรจุกระสอบและทยอยนำเก็บในโกดังร้าง พบเนื้อสุกรแช่แข็ง ประมาณ 1,142 กิโลกรัม รวมมูลค่า 137,040 บาท ไม่ผ่านพิธีการทางด่านศุลกากร”
นายพันธ์ทอง กล่าวว่า เมื่อเจ้าหน้าที่ทำการสอบถามข้อมูล ทราบว่า ชายดังกล่าวได้รับการว่าจ้างให้ขนเนื้อสุกรข้ามจากชายแดนกัมพูชามาฝั่งไทย โดยนำมาวางไว้บริเวณริมหนองน้ำติดชายแดนกัมพูชา และทยอยนำมาเก็บไว้ในโกดังร้าง
ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นความผิดฐานนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร ตามมาตรา 242 ประกอบมาตรา 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และของกลางดังกล่าวเป็นซากสัตว์ ผู้ใดนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสัตว์หรือซากสัตว์ต้องได้รับอนุญาตตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558
“พนักงานศุลกากรจึงใช้อำนาจตามมาตรา 166 มาตรา 167 แห่ง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ. 2560 นำผู้ต้องหาพร้อมของกลางดำเนินการตามกฎหมายต่อไป”