นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลามาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จำนวน 2 มาตรการ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุข้อเสนอการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (NDCs) ในการลดก๊าซเรือนกระจกลงร้อยละ 40 ภายในปีพ.ศ. 2573 ตามข้อตกลงปารีส
“เป้าหมายประเทศไทยมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิ เป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608”
นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการภาษี ทั้ง 2 มาตรการ ได้แก่ 1. มาตรการเพื่อส่งเสริมโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิต ในประเทศตามโครงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจที่ได้ขึ้นทะเบียนกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ทั้งนี้ จะมีผลตั้งแต่วันที่พระราชกฤษฎีกามีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570 เป็นระยะเวลา 3 รอบระยะเวลาบัญชีต่อเนื่องกัน
2. มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการดำเนินโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของบุคคลธรรมดาให้สามารถหักลดหย่อนเงินที่บริจาคให้แก่กรมป่าไม้ เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
โดยยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินที่บริจาคแต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคตามมาตรา 47 (7) แห่งประมวลรัษฎากรแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและ หักลดหย่อนอื่น ๆ และยังคงสิทธิการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับเงินบริจาคของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคให้แก่กรมป่าไม้
ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนโครงการภาคีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อนของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไว้เช่นเดิม โดยการบริจาคทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจะต้องเป็นการบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร (e-Donation) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2570”
“มาตรการดังกล่าวนอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนแล้ว ยังเป็นการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติประเด็นการเติบโตอย่างยั่งยืน และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ด้วย”