นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบหลักการร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราการจ่ายเงินสะสมและเงินสมทบ พ.ศ. .... (ร่างกฎกระทรวงฯ) ของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ
โดยร่างกฎกระทรวงฯ ได้ปรับเพิ่มจำนวนเงินสะสมสูงสุดของสมาชิก และจำนวนเงินสมทบสูงสุดที่รัฐบาลจ่ายให้สมาชิก รวมทั้งกำหนดให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ดังนี้
จากปัจจุบัน 13,200 บาทต่อปี เป็น 30,000 บาทต่อปี โดยรับประกันผลตอบแทนเต็มจำนวน
ทั้งนี้ สมาชิก กอช. ที่เริ่มออมตั้งแต่อายุ 15 ปี และออมต่อเนื่องจนถึงอายุ 60 ปี จะมีโอกาสได้รับเงินบำนาญประมาณ 12,000 บาทต่อเดือน จากเดิมประมาณ 5,300 บาทต่อเดือน ในกรณีส่งเงินสะสมเต็มเพดานเงินสะสม
ซึ่งเงินบำนาญที่คาดว่าจะได้รับขึ้นอยู่กับจำนวนเงินในบัญชีประกอบด้วยเงินสะสมของสมาชิก เงินสมทบจากรัฐ และผลตอบแทนจากการนำเงินดังกล่าวไปลงทุน
นายอาคม กล่าวว่า ปัจจุบันมีแรงงานที่ไม่ได้อยู่ในระบบใดๆ จำนวน 19 ล้านคน ขณะที่กอช. มีสมาชิกอยู่เพียง 2.5 ล้านคน จึงได้มอบนโยบายให้กอช. ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสมาชิกขึ้นอีก 5 ล้านคน โดยเป็นการร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนออมรองรับวัยเกษียณมากยิ่งขึ้น
“การที่จำนวนเงินสะสมและเงินสมทบที่สูงขึ้น จะทำให้สมาชิก กอช. มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงในอนาคตให้มีเงินเพียงพอในการดำรงชีพยามชราภาพ และเป็นการสนับสนุนการออมของแรงงานนอกระบบให้เหมาะสมกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม”