นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตสำหรับผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ “Service Provider” ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนรับข้อมูลเอกสารภาษี
อาทิ ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์และใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice & e-Receipt) จากผู้ประกอบการ แล้วส่งข้อมูลต่อเข้าระบบของกรมสรรพากรโดยตรง
โดยกรมสรรพากร จะขยายขอบเขตหน้าที่เพิ่มเติม เพื่อให้บริการครบวงจรตั้งแต่ระบบบัญชี ยื่นแบบภาษีครบวงจร ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) จากเดิมเป็นเพียงผู้นำส่งเอกสารเท่านั้น
ทั้งนี้ ปัจจุบันผู้ให้บริการนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้รับอนุญาตจากกรมสรรพากร มีราว 20 ราย หากขยายขอบเขตหน้าที่ จะทำให้มีผู้มาขออนุญาตเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีผู้ได้รับใบอนุญาตเพิ่ม ก็จะทำให้เอสเอ็มอี มีทางเลือกในการใช้บริการ และราคาที่จะจ้างทำระบบบัญชีการยื่นแบบเสียภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax) ถูกลงตามไปด้วย
“ปัจจุบันการจ้างทำบัญชี จ้างยื่นภาษี มีราคาสูง ซึ่งการยื่นภาษี E-Tax จะได้เงินคืนภายใน 7 วัน จากระบบเดิม จะได้เงินคืน 7 เดือน อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดนักพัฒนาซอฟต์แวร์ระบบบัญชี หรือสตาร์ทอัพทางด้านบัญชี ซึ่งจะตอบโจทย์ธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องการทำระบบบัญชีให้เป็นไปตามมาตรฐาน”
คาดว่ากรมสรรพากรจะประกาศใช้หลักเกณฑ์ใหม่ภายในเดือนมี.ค.2566 และเชื่อว่าจะทำให้เอสเอ็มอีที่มีปัญหาในการทำระบบบัญชี กังวลการยื่นแบบภาษีไม่ถูกต้อง ได้เข้าสู่ระบบเสียภาษีเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพราะการเสียภาษีไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคต Service Provider นั้น ได้จับมือกับธนาคาร เพื่อให้บริการลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบ คือ หาแหล่งเงินทุนให้ด้วย ทำบัญชี และยื่นแบบภาษี ลูกค้าทำหน้าที่หารายได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการยื่นภาษี เพราะหากระบบบัญชีถูกต้องตามมาตรฐาน และยื่นภาษีถูกต้อง สถาบันการเงินก็พร้อมปล่อยกู้