กรณีเกิดกระแสข่าวความไม่เหมาะสมในการเข้าไปซื้อขายหุ้นของผู้บริหารกระทรวงการคลัง หลังมีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ว่า กรรมการผู้แทนกระทรวงการคลังจำนวน 2 ราย ได้เข้าซื้อขายหุ้นในบริษัท บางจากคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ BCP ในขณะที่บริษัทกำลังอยู่ในช่วงเข้าซื้อกิจการบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย)จำกัด(มหาชน) หรือ ESSO
โดยกรรมการที่เข้าซื้อขายหุ้นเป็นกรรมการผู้แทนกระทรวงการคลัง คือ
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า การซื้อขายหุ้นของกรรมการบริษัทบางจากฯ เป็นการใช้ข้อมูลภายใน หรืออินไซด์เดอร์ ก่อนที่จะมีการซื้อกิจการในธุรกิจอื่นหรือไม่ ขณะที่ในส่วนของกรรมการผู้แทนของกระทรวงการคลังนั้น การดำเนินการดังกล่าว ถือว่า ผิดจรรยาบรรณหรือไม่
ล่าสุด นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ และน.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมบัญชีกลาง ทำหนังสือชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรกรณีซื้อขายหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่า หุ้นดังกล่าวเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อกรรมการหรือพนักงาน (Employee Stock Option Program : ESOP)
“ทั้ง 2 อธิบดีจะต้องทำคำชี้แจงมาก่อน หลังจากนั้นจะนำคำชี้แจงมาพิจารณาและตรวจสอบเพิ่มเติม หากพบความผิดปกติ ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอน หากไม่พบความผิดปกติ ก็ถือว่ายุติ”นายกฤษฎากล่าว
ทั้งนี้ ในรายการของ ก.ล.ต. แจ้งว่า นายจำเริญ ได้เข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งหมด 6 แสนหุ้น แบ่งเป็น
ส่วนนางสาวกุลยา
จำเริญ - กุลยา ยันได้สิทธิจัดสรรถูกต้อง
ขณะเดียวกัน นายจำเริญ กล่าวยอมรับว่า ได้รับหุ้นดังกล่าวจริงในจำนวน 3 แสนหุ้น โดยเป็นหุ้นที่บริษัทให้สิทธิ์ในการซื้อในฐานะที่เป็นบอร์ดรายละ 3 แสนหุ้น ขณะเดียวกัน ตนได้ทำการเข้าซื้ออีก 3 แสนหุ้น และได้ขายออกไปจำนวน 1.5 แสนหุ้น โดยการซื้อและขายหุ้นดังกล่าวนั้น ได้รายงานต่อกระทรวงการคลัง และก.ล.ต.เรียบร้อยแล้ว
“ตามปกติแล้ว ผมไม่เคยสนใจที่จะซื้อขายหุ้นเลย เมื่อได้รับหุ้นดังกล่าวมาจากการเป็นบอร์ดแล้ว ก็ได้มาพิจารณาว่า เป็นการถูกต้องหรือไม่ จึงได้รีบขายออกไป ยืนยันว่า ตนไม่ได้ทำการซื้อขายหุ้นในลักษณะอินไซค์ข้อมูลอย่างแน่นอน”นายจำเริญกล่าว
ด้านนางสาวกุลยา กล่าวว่า ได้มีการซื้อขายหุ้นบจ.บางจากจริง แต่หุ้นที่ซื้อขายนั้นได้รับสิทธิตามการจัดสรรอย่างถูกต้อง ตามมติคณะกรรมการ บมจ.บางจาก ที่จัดสรรให้บอร์ดและพนักงานทุกคน รวม 18 ล้านหุ้น ถือเป็นผลตอบแทนที่ได้รับจากการทำงานในช่วงสิ้นปี
ซึ่งตนในฐานะที่เป็นบอร์ดขณะนั้น ได้รับการจัดสรรเช่นเดียวกัน 3 แสนหุ้น จึงได้ใช้สิทธิซื้อหุ้นไปตามสิทธิที่ได้รับ แต่ตนไม่ได้คิดว่าจะเข้าไปเล่นหรือถือหุ้นอะไร เพราะเมื่อหุ้นเข้าพอร์ตได้สั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ขายทันที เนื่องจากปกติไม่ได้มีการเล่นหุ้นมา และไม่เคยมีพอร์ตหุ้นก่อนอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในการรับหุ้นจาก บมจ.บางจากก็ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) และกระทรวงการคลังได้รับทราบตามระเบียบขั้นตอนมาโดยตลอด
"ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีหุ้นของบจ.บางจาก เหลืออยู่ในพอร์ต และไม่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มด้วย และปัจจุบันได้ลาออกจากคณะกรรมการบอร์ดบจ.บางจากแล้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ฉะนั้น จึงไม่ได้แจ้งตลาดในการขายหุ้น" นางสาวกุลยากล่าว