จากที่เกิดกรณีธนาคาร 2 แห่งในสหรัฐฯ คือซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank : SVB) และ ซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ได้มีการปิดตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ส่งผลกระทบจนทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลก
นายกฯ สั่งเกาะติดสถานการณ์ด่วน
ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการด่วนโดยได้มอบหมายให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล ติดตามสถานการณ์การปิดแบงก์ของสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด พร้อมกับประเมินผลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยหรือไม่ เพียงใด
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ยันแบงก์ไทยยังไม่เจอผลกระทบ
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านเศรษฐกิจได้รายงานให้นายกฯ รับทราบว่า ไม่มีธนาคารหรือสถาบันการเงินของไทยมีการลงทุนหรือมีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับธนาคารที่มีปัญหาทั้ง 2 แห่ง
พร้อมกันนี้ยังได้ประเมินว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจการเงินในสหรัฐฯ น่าจะอยู่ในวงที่จำกัด เนื่องจากทั้ง 2 แห่งมีการทำธุรกิจที่มีความเฉพาะ ไม่ได้มีการบริการแบบกว้างขวางเหมือนธนาคารพาณิชย์ทั่วไป ขณะเดียวกันทางการสหรัฐฯ ได้เข้าการเข้าดำเนินการ ทั้งนี้เพื่อช่วยดูแลปัญหาที่รวดเร็วมากขึ้น
ฐานะการเงินแบงก์ไทยแข็งแกร่ง
สำหรับฐานะของสถาบันการเงินไทยในปัจจุบันนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้กำกับด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด ผ่านมาตรการการกำกับระบบสถาบันการเงินของไทย ที่มีการปรับปรุงให้ดูแลความเสี่ยงอย่างรอบด้าน รัดกุม มาตั้งแต่หลังวิกฤตปี 2540
ดังนั้นจึงทำให้ในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แม้มีวิกฤตการเงินโลกหลายครั้ง รวมถึงวิกฤตโควิด19 แต่สถาบันการเงินของไทยทั้งธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐยังสามารถสนับสนุนเศรษฐกิจไทยได้ด้วยฐานะที่แข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก ธปท. ระบุว่า ณ สิ้นปี 2565 ธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งระบบ มีเครื่องชี้ฐานะทางการเงินในระดับสูง ดังนี้
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีระบบการดูแลผู้ฝากเงินที่เข็มแข็งด้วยสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ที่ปัจจุบันกองทุนคุ้มครองเงินฝากมีจำนวน 1.34 แสนล้านบาท คุ้มครองเงินฝาก 1 ล้านบาทต่อราย ซึ่งกองทุน ณ ปัจจุบันสามารถครอบคลุมผู้ฝากกว่า 98% ซึ่งเป็นผู้ฝากส่วนใหญ่ของประเทศ