ทองคำพุ่งแรงทุบสถิติ รับข่าวเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยมี.ค.

18 มี.ค. 2566 | 13:09 น.
อัปเดตล่าสุด :18 มี.ค. 2566 | 13:09 น.

วายแอลจีเผย ทองคำมีแนวโน้มพุ่งแรงทำนิวไฮของปี สวนทางสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ หลังตลาดคาดการณ์ ผลประชุมเฟดเดือนมี.ค.มีแนวโน้มไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลังกลุ่มแบงก์ของสหรัฐอ่วมหนัก

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า กลุ่มธนาคารในสหรัฐขาดเสถียรภาพ จากผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวขึ้นจากนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาของพันธบัตรกลับสวนทางกับอัตราผลตอบแทน ดังนั้นเมื่อธนาคารมีการบันทึกบัญชีจากการถือครองพันธบัตรจึงทำให้เกิดการขาดทุนจำนวนมาก

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด

ปัจจัยดังกล่าวทำให้เกิดการเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐ เพราะนักลงทุนคาดการณ์ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะยังคงดำเนินต่อไปหรือไม่ จึงทำให้เกิดความไร้เสถียรภาพของกลุ่มธนาคารในสหรัฐ และทำให้บางแห่งเกิดการปิดกิจการ

อย่างไรก็ดีการประชุมเฟดช่วงวันที่ 21-22 มีนาคม 2566 มีการคาดการณ์แตกต่างจากก่อนหน้าที่ที่คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% มาเป็นคาดการณ์ว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หรือปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% เริ่มมีสัดส่วนการคาดการณ์ที่มากกว่า

ดังนั้นต้องจับตาว่า การขาดเสถียรภาพของกลุ่มธนาคารครั้งนี้ จะก่อให้เกิดวิกฤตทางการเงินหรือไม่ ซึ่งต้องดูการประชุมของเฟดในครั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งผลกระทบต่อตลาดทองคำ ยังต้องดูการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อประกอบ ถ้าหากเงินเฟ้อไม่พุ่งรุนแรงมากเช่นครั้งก่อนหน้า ก็อาจจะทำให้ทองคำย่อตัวอย่างจำกัด 

ทองคำพุ่งแรงทุบสถิติ  รับข่าวเฟดชะลอขึ้นดอกเบี้ยมี.ค.

อย่างไรก็ดี การย่อตัวของทองคำถือเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ เพราะแนวโน้มทองคำยังมีโอกาสปรับขึ้นได้ต่อ ภาพรวมยังแกว่งตัวในขาขึ้นค่อนข้างชัดเจน โดยราคาทะยานขึ้นอย่างรุนแรง สวนทางสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.

แนะนำให้นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะเมื่อราคาทองคำเข้าใกล้จุดสูงสุดที่ 1,958 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยเฉพาะบริษัท 1,940 -1,958 ราคาอาจจะมีแรงขายทำกำไรสลับลงมา เพราะระดับทองคำช่วงนี้เป็นจุดสูงสุดของปี

ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,887 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แต่เนื่องจากเทรนด์ยังเป็นขาขึ้นได้ต่อ จึงสามารถทะยอยเข้าซื้อ โดยแนวรับสำคัญอยู่ที่ 1,871 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หากไม่หลุดแนวรับนี้มีโอกาสปรับขึ้นต่ออย่างชัดเจน เพราะกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับเข้าซื้อทองคำ จึงเป็นอีกปัจจัยหนุนสำคัญ ทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นแรง

ส่วนราคาทองคำในรูปของเงินบาท มองกรอบแนวรับ 30,900 -30,600 บาทต่อบาททองคำ แนวต้าน 31,900 บาทต่อบาททองคำ

 

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,870 วันที่ 16 - 18 มีนาคม พ.ศ. 2566