KBANK เร่งเครื่อง สู่ผู้นำธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดระดับภูมิภาค

เพียง 6 เดือนหลังการประกาศแผนหลอมรวม DNA ของความเป็น Challenger Bank เข้าในแก่นของธนาคารกสิกรไทยเพื่อตอบโจทย์คนไทยที่มีราว 30 ล้านคน ซึ่งยังเข้าไม่ถึงบริการของธนาคาร โดยจัดสรรงบประมาณ 22,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้านเทคโนโลยีระหว่างปี 2565-2567 พร้อมจับมือกับ Line เพื่อผลักดันให้บริการธนาคาร กสิกรไทย ผ่านทางโซเชียลมีเดียเพียงรายเดียวของไทย ภายใต้ แบรนด์ " LINE BK ในนาม บริษัทกสิกรไลน์ จำกัด”

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร กสิกรไทย(KBANK)เปิดเผย ถึงผลตอบรับของการทำธุรกรรมออนไลน์ในปี 2565 โดยระบุว่า ธนาคารกสิกรไทยสร้างสถิติใหม่ โดยมีคนจำนวนมากกว่า 2 ล้านคนสมัครใช้งาน App K Plus ในจำนวนนี้มีมากกว่า 1 ล้านคนที่เพิ่งใช้บริการเป็นครั้งแรกกับธนาคารกสิกรไทย

ปัจจุบันธุรกรรมที่ทำผ่านระบบออนไลน์ของธนาคารกสิกรไทยมีมากถึง 98% ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยอดเงินโอนผ่านแอป K Plus มากกว่ายอดเงินโอนผ่านช่องทาง อื่นๆ ทั้งหมดของธนาคารรวมกัน ไม่ว่าการทำธุรกรรมที่สาขาหรือเครื่องทำรายการอิเล็กทรอนิกส์และตัวแทนธนาคาร

“ด้วยเทคโนโลยีของเราทำให้คนจำนวนมากขึ้นได้รับประโยชน์จากบริการการธนาคาร ในแต่ละชั่วโมงมีจำนวนธุรกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องประมาณ 1 ล้านรายการ ขณะที่ยอดเงินทำธุรกรรมผ่านแอป K Plus ยังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยมียอดเงินสูงเกือบ 10 ล้านล้านบาทซึ่งการเติบโตดังกล่าวตอกย้ำความเป็นผู้นำของธนาคารกสิกรไทยในฐานะธนาคารดิจิทัลอันดับ 1 ของไทย”นางสาวขัตติยากล่าว

นางสาวขัตติยากล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของ LINE BK ในฐานะผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารผ่าน Social Media นั้น ก็มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัดเจนโดยมีผู้ใช้บริการรายใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่าจำนวน 1.4 ล้านรายและยอดสินเชื่อปล่อยกู้ผ่าน LINE BK กว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

“ส่วนใหญ่เป็นการให้กู้ยืมแก่ลูกค้าที่ไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีเงินเดือนประจำ เช่น คนทำงานอิสระและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยอื่นๆ เนื่องจากคนที่ประกอบอาชีพเหล่านี้ มักจะไม่มีรายได้ประจำหรือไม่มีสลิปเงินเดือน จึงทำให้พวกเขามีความยากลำบากในการได้รับอนุมัติเงินกู้จากธนาคารเพื่อที่จะเอามาช่วยเหลือตัวเองในห้วงเวลาที่ยากลำบากที่มาเป็นครั้งเป็นคราวและบ่อยครั้งก็ทำให้เขาต้องหันไปหาเงินกู้นอกระบบ” นางสาวขัตติยา กล่าว

 “LINE BK” มีบทบาทสำคัญในการทำให้เป้าหมายของธนาคารกสิกรไทยในการประสานความเป็น “Challenger Bank” เข้ามาในองค์กรประสบความสำเร็จ สามารถช่วยให้คนไทย แม้จะเป็นผู้ที่ไม่มีบัญชีกับธนาคารมาก่อน โดยใช้ระบบ AI วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมจากบริการที่เกี่ยวข้อง LINE ที่ได้รับอนุญาตจากผู้สมัครขอสินเชื่อก่อนเพื่อประเมินความสามารถและความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้ซึ่งการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อจะทราบผลภายใน 24 ชั่วโมง

จึงเป็นก้าวแรก ที่ LINE BK ได้นำคนเหล่านี้ ทั้งผู้ให้บริการอิสระ เจ้าของแผงค้าขายขนาดเล็ก ผู้ที่เข้าถึงบริการของธนาคารได้ยาก ได้เข้าสู่ระบบและมีประวัติเครดิต ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขับเคลื่อนการขยับขยายกิจการในอนาคตของพวกเขาได้ด้วย

นางสาวขัตติยากล่าวว่า ความนิยมแพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้เรามีความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ตามไปด้วยที่จะต้องก้าวล้ำไปข้างหน้า กับเทคโนโลยีต่างๆ อยู่เสมอเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการธนาคารได้อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนด้วยระบบที่มีเสถียรภาพสูง

นั่นคือวิสัยทัศน์ของเรามองไปไกลเกินกว่าขอบเขตประเทศไทยโดยเป้าหมายของเราอยู่ที่การเป็นผู้นำการให้บริการธนาคารดิจิทัลที่ดีที่สุดระดับภูมิภาค

นางสาวขัตติยากล่าวย้ำว่า แพลตฟอร์ม ออนไลน์ของธนาคารกสิกรไทยกำลังช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยในการทำธุรกิจระหว่างประเทศด้วยการมอบต้นทุนทางด้านการเงินที่ต่ำกว่า และเป็นธนาคารเดียวในประเทศไทยที่ไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมในการโอนจากธนาคารตัวกลางสำหรับการโอนเงินจากประเทศไทยไปยัง 32 ประเทศคู่ค้า

ที่สำคัญ “ชาแลนเจอร์แบงก์” เป็นปรากฏการณ์ ดิสรัปชั่นของวงการธนาคารที่มาท้าทายธนาคารหลักๆต่างๆ ในหลายประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมและผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรือไม่มีรายได้ประจำ ด้วยการกำจัดกระบวนการที่ขาดความคล่องตัวให้บริการที่รวดเร็วกว่า ใช้งานง่ายกว่าและสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ตลอดเวลา

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,872 วันที่ 23 - 25 มีนาคม พ.ศ. 2566