นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยหลังเข้ารับตำแหน่งวันแรก ว่า ภารกิจสำคัญที่จะเริ่มดำเนินงานกับ ธ.ก.ส. มีด้วยกัน 4 เรื่อง ได้แก่
“นโยบายแรกที่จะต้องทำ คือดูแลปัญหาหนี้ให้เกษตรกร โดยภายในสัปดาห์นี้จะมีการเรียกประชุม เพื่อออกมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกค้าที่เป็นหนี้เสีย รวมถึงดูแลลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงที่จะตกชั้นเป็น NPL"นายฉัตรชัยกล่าว
สำหรับปัจจุบัน ธ.ก.ส.มีหนี้เสียอยู่ที่ระดับ 8-9% แม้จะลดลงมาจากที่เคยขึ้นไปสูงถึง 12% แต่ก็ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วง 2 ไตรมาสต่อจากนี้ จะต้องดูแลไม่ให้ลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงไหลกลายไปเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้น
นายฉัตรชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลจากโควิด และการพักหนี้มานาน ทำให้ความสามารถชำระหนี้ของเกษตรกรมีความเปราะบาง โดยแนวทางกาคการช่วยเหลือ จะเน้นการสร้างวินัย เช่น คนมีน้อยจ่ายน้อย มีมากจ่ายมาก
ขณะเดียวกันจะเข้าไปทำความเข้าใจกับเกษตรกรว่าการพักหนี้ไม่ได้ส่งผลดีในระยะยาว เพราะพักหนี้แต่ดอกเบี้ยก็ยังเดินอยู่ จะกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ ส่วนกลุ่มที่เปราะบางจริงๆ ก็อาจจะเข้าไปดูแลพักหนี้ให้ นอกจากนี้จะมีมาตรการจูงใจให้กับลูกหนี้ที่ชำระเงินดีด้วย
ส่วนภารกิจต่อมา ธนาคารจะเน้นการนำระบบเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาด้านบริการ แก่ลูกค้า ธ.ก.ส.ซึ่งมีจำนวนมากให้ได้รับความสะดวก รวดเร็ว ขณะเดียวกันจะช่วยลดต้นทุนการบริหารจัดให้ถูกลง รวมถึง จะดูแลเงินฝากซึ่งปัจจุบันมีทั้งบัญชีเงินฝากกับสลาก ให้สอดคล้องกับความต้องการที่นำไปปล่อยกู้ตลอดจน ทิศทางดอกเบี้ยที่จะสูงขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ จะเร่งเพิ่มความสามารถ ในการหารายได้แก่เกษตรกร เช่น ให้เกษตรกรมีการผสมผสานในการปลูกพืชระยะสั้น และพืชชนิดใหม่ ควบคู่กับพืชชนิดหลัก เพื่อเป็นทางเลือกในการเพิ่มรายได้
"ยกตัวอย่าง ปัจจุบันมีการทำตู้คอนเทนเนอร์ปรับอากาศ เพื่อปลูกดอกทิวลิปในทะเลทราย รวมถึงธนาคารจะเข้าไปเป็นตัวกลางคอยประสานในการนำผลผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพดีเข้ามาจำหน่ายให้กับผู้มีรายได้สูง เป็นต้น"