แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลัง ได้รับนโยบายจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้กรมสรรพสามิตไปหาแนวทางการปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลต่อเป็นระยะเวลาอีก 2 เดือน เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน หลังจากที่มาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 5 บาทจะสิ้นสุดในวันที่ 20 ก.ค.นี้
โดยกรมสรรพสามิตได้ให้ฝ่ายกฎหมายไปพิจารณาในประเด็นดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการศึกษาและประเมินถึงผลกระทบในเรื่องของรายได้รัฐบาลที่จะหายไปด้วย
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : นายกฯ สั่งคลังหาข้อสรุป “ลดภาษีน้ำมันดีเซล” 5 บาทต่อลิตร
สำหรับการลดภาษีน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท จะทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตสินค้าดังกล่าวประมาณ 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน โดยมาตรการลดภาษีดังกล่าวได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีงบประมาณนี้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากน้ำมันดีเซลไปประมาณ 7 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้ดำเนินมาตรการทางภาษีเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการปรับลดอัตราภาษีน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันหลายประเภทและหลายครั้งมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันดีเซล เนื่องจากถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในทุกภาคส่วนตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทำให้เป็นต้นทุนในภาคการผลิตสินค้า ไฟฟ้า และภาคการขนส่งในทุกอุตสาหกรรม
ขณะที่สถิติการใช้มาตรการลดภาษีดีเซล ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่เดือนก.พ.65 ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน ได้เห็นชอบใช้มาตรการลดภาษีดีเซลไปแล้ว 7 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 1.58 แสนล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้
โดยทุกการลดภาษีดีเซล 1 บาท จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ไป 2,000 ล้านบาทต่อเดือน