ค่าเงินบาทอ่อนค่า ทะลุระดับ 35 บาทต่อดอลลาร์ ถือเป็นการอ่อนค่าแรงที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 66 ที่ผ่านมา โดยมีประเด็นที่น่าสนใจที่ทำให้ เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าเร็ว หลังเปิดตลาดเช้านี้ (23 มิ.ย. 66) ที่ระดับ 35.13 บาทต่อดอลลาร์ "อ่อนค่า" ลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 35.06 บาทต่อดอลลาร์
โดยนายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอสซีไอเอ็มบี ให้ระบุว่า "แนวโน้มค่าเงินบาท" อ่อนค่าหรือแข็งค่าได้
พร้อมมองว่าเงินบาทยังมีโอกาสอ่อนต่อเนื่องไปถึงระดับ 36-37 บาทต่อดอลลาร์ ภายใต้สมมติฐาน เงินเฟ้อสหรัฐต้องไม่ปรับลดลง, ราคาน้ำมันปรับขึ้น หรือเศรษฐกิจจีนปรับตัวชะลอลง
รวมทั้งมีโอกาสพลิกกลับมาแข็งค่าที่ระดับ 32-33 บาทต่อดอลลาร์ ภายใต้สมมติฐาน เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัว, ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หยุดขึ้นดอกเบี้ย
ทั้งนี้มองว่าจุดกลับตัวจะเกิดขึ้นได้นั้นอยู่ที่ เฟด จะหยุดขึ้นดอกเบี้ย โดยยังคงมุมมองค่าเงินบาทสิ้นปีนี้ ที่ระดับ 33.30 บาทต่อดอลลาร์
สำหรับระดับค่าเงินบาท ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) เงินบาท ยังอยู่กลางตารางในภูมิภาคเอเชีย ท่ามกลางแนวโน้มสกุลเงินเอเชียอ่อนค่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะยังไม่กลับทิศทาง
ถ้าไม่มีเหตุการณ์ใหญ่ๆ มาให้กลับทิศทาง และในช่วง 1-3 เดือน ตลาดเงินดอลลาร์ในเอเชีย (Asian Dollar) ปรับตัวลงมากกว่าตลาด
โดยดัชนีค่าเงินดอลลาร์(DXY) หนัก 5-6% เหตุผลหลักมาจากนโยบายการเงินที่แตกต่างกันชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะระหว่าง สหรัฐ กับจีน และญี่ปุ่น รวมถึงประเด็นการเมือง ที่ลดทุนไหลเข้า
หากเทียบกับเงินสำรองต่างประเทศ ในช่วงปีที่ผ่านมา ไทยไม่ได้แทรกแซงเชิง direction เป็นแค่ volatiltiy absorbtion หากมองจากระดับทุนสำรอง ถ้าค่าเงินบาทไหลเลย ระดับ 35.75 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจไม่ถือว่า "อ่อนค่าผิดปกติ"