ธนาคารยูโอบี ให้การต้อนรับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ณ สำนักงานใหญ่ อาคารยูโอบี พลาซา ระหว่างการเยือนประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกหลังจากเข้ารับตำแหน่ง เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้ากับคู่ค้าทางเศรษฐกิจหลักในภูมิภาค โดยยูโอบี เป็นธนาคารแห่งเดียวที่นายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมชมระหว่างการเดินทางมาประเทศสิงคโปร์
นาย วี อี เชียง รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารยูโอบี พร้อมด้วย นายตัน ชุน ฮิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย และผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มธนาคารยูโอบี ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีในการเดินทางอย่างเป็นทางการในครั้งนี้
ในระหว่างการหารือ นายวี ได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นระยะยาวของธนาคารยูโอบีในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยและรวมถึงแนวทางในการกระชับความสัมพันธ์เพื่อส่งเสริมการเชื่อมโยงในอาเซียนผ่านการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
นายวีกล่าวว่า ยูโอบีดำเนินธุรกิจในประเทศไทยอย่างยาวนานกว่า 20 ปี โดยได้สนับสนุนลูกค้าในระดับภูมิภาคให้มาลงทุนในประเทศไทย โดยตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของธนาคาร (Foreign Direction Investment Advisory unit)ในประเทศไทย ได้สนับสนุนมูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศรวม 370 บริษัท รวมเป็นมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
"ธนาคารมีความเข้าใจมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และเครือข่ายที่แข็งแกร่งที่พร้อมจะช่วยให้ลูกค้าสามารถขยายธุรกิจในตลาดใหม่ และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจทั่วภูมิภาคอาเซียนและในประเทศจีน” นายวีกล่าว
นอกจากนี้ธนาคารยูโอบี ในประเทศไทยถือเป็นหนึ่งสาขาหลักของธนาคารในภูมิภาคนี้และเป็นธนาคารต่างประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสองในไทย ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีเครือข่ายทั่วประเทศมากว่า 150 สาขา และได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้แก่ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิสและฟิทช์ เรทติ้งส์
ทั้งนี้เมื่อเดือนพฤศจิกายนธนาคารยูโอบีได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปในประเทศไทยอย่างเสร็จสมบูรณ์ตามกฏหมาย ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย จากการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพให้ธนาคารนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นแก่กลุ่มลูกค้าที่ขยายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
ในส่วนของการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ธนาคารยูโอบีได้ประกาศแผนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 และพร้อมสนับสนุนโซลูชันทางการเงินเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านที่เป็นธรรมในการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมทั่วภูมิภาคอาเซียน