ยึดรถพุ่งเดือนละ 2.7 หมื่นคัน หนุนประมูลรถคึก

17 พ.ย. 2566 | 11:48 น.
อัปเดตล่าสุด :17 พ.ย. 2566 | 11:50 น.

หนี้เสียเช่าซื้อ หนุนธุรกิจประมูลรถคึกคัก 9 เดือนยอดยึดรถพุ่ง 2.5-2.7 หมื่นคันต่อเดือน เติบโต 30% “อนุชาติ” ชี้คนซื้อรถมือสองถูกลง 5-10% “แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น” คาด ปีนี้ทำรายได้ 500 ล้านบาท

หลังวิกฤตโควิด-19 หนี้ภาคครัวเรือนได้รับผลกระทบสูงขึ้น ซึ่งพอร์ตหนี้ครัวเรือนนั้น สัดส่วนกว่า 13% เป็นหนี้สินเชื่อรถยนต์ ดังนั้นผลจากตัวเลขหนี้เอ็นพีแอลที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้สถาบันการเงินส่งสัญญาณยึดรถเพิ่มขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงยังไม่ปรับลดลง ต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) จึงไม่ครอบคลุมความเสี่ยง ทำให้สถาบันการเงินเน้นเลือกปล่อยกู้สินเชื่อรถยนต์ให้กับลูกค้าประวัติดี

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัดเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า แนวโน้มภาพรวมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) จากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ยังปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้สถาบันการเงินส่งสัญญาณยึดรถเพิ่มขึ้น โดยช่วง 9เดือนปีนี้ มีรถยึดเข้าสู่ลานประมูลรวม 2.5-2.7 หมื่นคันต่อเดือน เพิ่มขึ้นราว 30% จากทั้งระบบ จากในลานประมูลปลายปีก่อนมีรถในสต๊อกประมาณ 1.8-1.9 หมื่นคัน

นายอนุชาติ ดีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด

ทั้งนี้มูลค่าตลาดประมูลโดยรวมต่อปีเฉลี่ยน่าจะประมาณ 5-6 พันล้านบาทต่อเดือน โดยคำนวณจากราคาขายเฉลี่ย 2.5แสนบาทต่อคันและจำนวนรถยึดที่เข้าสู่ลานประมูล 2.5 หมื่นคัน ขณะเดียวกันจำนวนรถยึดที่เข้าสู่ลานประมูลสูงมาก ทำให้ความสำเร็จในการประมูลขายตกลงมาเหลืออยู่ที่เฉลี่ย 50-60% จากเดิมเคยมีมากกว่า 70-80% อีกทั้งต้องเพิ่มรอบการประมูลขายมากกว่า 3-4 ครั้งจากเดิมใช้เวลาเพียง 2 ครั้ง จึงส่งผลกระทบต่อตลาดรถมือสอง

“สัญญาณหนี้เอ็นพีแอลที่ยังเพิ่มขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสแรกที่หนี้เอ็นพีแอลเติบโตก้าวกระโดดขึ้นเป็น 4.5% จากก่อนหน้าเคยอยู่ที่ 3.0-3.25% และรอบการประมูลขายหรือระบายรถออกได้ช้าลง ส่งผลให้เต้นท์รถยนต์มือสองได้รับผลกระทบ เพราะต้องใช้เวลา 4-5เดือนกว่าจะขายรถออก หากต้องการขายเร็ว กำไรก็จะบางลง  ซึ่งจริงๆ ก็เป็นโอกาสสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการใช้รถมือสอง” นายอนุชาติ กล่าว

ยึดรถพุ่งเดือนละ 2.7 หมื่นคัน หนุนประมูลรถคึก

นอกจากนั้น ราคารถมือสองลดลงราว 5-10% เหตุจากซัพพลายล้น เทียบจากช่วงต้นปีราคาขยับตัวขึ้นเล็กน้อย ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปริมาณการยึดรถที่เพิ่มขึ้น อย่างปีก่อนรถยึดจะอยู่ที่ประมาณ 1.5-1.6 หมื่นคัน ต้นปีนี้เริ่มเห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นคันต้นๆ แต่ช่วง 9 เดือนก้าวกระโดดขึ้นเป็น 30%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดประมูลยังคึกคัก ด้วยประเภทรถที่มีความหลากหลายทั้งรถยนต์ รถเก๋ง กะบะ รถเพื่อการเกษตรและมอเตอร์ไซด์ ส่วนอายุรถในลานประมูลส่วนใหญ่ราว 70% เป็นรถที่มีอายุ 6-10ปี,รถที่มีอายุ 10 ปีมีสัดส่วนประมาณ 15% ที่เหลือเฉลี่ยอายุ 10-15ปี โดยเต็นท์หรือค่ายรถมืองสองจะเลือกซื้อรถตลาดหรือแบรนด์หลักหรือแบรนด์รองๆ หรือราคาต่ำๆ เพราะไม่ต้องการแบกต้นทุนในช่วงยังประมูลขายไม่ได้

สำหรับบริษัท แอพเพิล ออโต้ ออคชั่นช่วง 9เดือนปีนี้ บริษัทได้อานิสงส์จากต้นปีที่สามารถทำยอดขายได้สูงเกินจากเป้าเฉลี่ย 4,500-5,000 คันต่อเดือน โดยมีปริมาณรถเข้ามาอยู่ในสต๊อก 7,600-8,000 คัน ส่วนรายได้อยู่ที่ 500 ล้านบาทเติบโตขึ้น 8-10% จากปีก่อน คาดว่าทั้งปีจะเติบโต 10% และกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 180 ล้านบาท

ส่วนที่มาของรายได้ธุรกิจประมูลนั้น มาจากค่าดำเนินการ เช่น ค่าประมูลรถ 4 ล้อไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อยู่ที่ 10,000 บาทต่อคัน , ค่าขนส่งและบริการอื่นๆ อย่างไรก็ตามโอกาสทางธุรกิจประมูลภาพรวมยังสามารถทำกำไรได้ เพราะเป็นธุรกิจตัวกลางให้บริการระหว่างสถาบันการเงินค่ายผู้ผลิตหรือเต้นรถยนต์ แม้ช่วงนี้ราคาลดลงบ้างจากรอบการประมูลที่ช้าลง

นายอนุชาติกล่าวว่า ในแง่ของผู้ซื้อรายย่อยนั้น ส่วนตัวมองว่า กำลังซื้อที่ยังไม่เข้ามา เพราะได้รับผลกดดันจากภาวะเศรษฐกิจ เพราะผู้บริโภคส่วนหนึ่งยังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจ ปัจจัยเสี่ยงทั้งราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีความไม่แน่นอนทำให้ผู้บริโภคอาจจะแบกรับในอนาคต ซึ่งมีผลในแง่ของการตัดสินใจซื้อรถมือสอง

ขณะเดียวกันในแง่ของรถใหม่ทางสถาบันการเงินค่อนข้างเลือกปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าดีที่มีคุณภาพ ดังนั้น จากนี้ไปอีก 2 เดือนจนถึงสิ้นปีและอาจจะข้ามไปเดือนมกราคมปีหน้า อาจจะเห็นสถาบันการเงินที่เคยชะลอปล่อยสินเชื่อจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ หากเอ็นพีแอลนิ่ง ซึ่งหากสถาบันการเงินไม่ปล่อยสินเชื่อ พอร์ตเช่าซื้อก็จะเล็กลง เพราะบางส่วนขายลูกหนี้ไม่ดีออกไปแล้ว อย่างหนี้ด้อยคุณภาพเกิน 1ปีส่วนใหญ่สถาบันการเงินจะขายออก

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,940 วันที่ 16 - 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566