แม่ทัพธอส. คนใหม่ ลั่นพร้อมตรึงดอกเบี้ย ลดภาระคนมีบ้าน

31 ม.ค. 2567 | 09:08 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ม.ค. 2567 | 09:09 น.

“กมลภพ วีระพละ” แม่ทัพธอส.คนที่ 14 ฉายภาพทิศทางแบงก์ปี 67 วางเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 2.42 แสนล้าน พร้อมตรึงดอกเบี้ย ลดภาระคนมีบ้าน ลุยออกสินเชื่อสร้างความยั่งยืน

นายกมลภพ วีระพละ แม่ทัพคนใหม่ของธนาคารอาคารสงเคราห์ (ธอส.)ได้แถลงข่าวเปิดตัวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 มกราคมถึงทิศทางการดำเนินงานปี 2567 หลังจากเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.คนที่ 14 ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2566  

นายกมลภพเปิดเผยว่า ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ยังคงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล โดยปี 2566 สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ 253,860 ล้านบาท คิดเป็น 197,730 บัญชี สูงกว่าเป้าหมายเกือบ 2 หมื่นล้านบาท โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่สำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง วงเงินกู้ไม่เกิน 2.5 ล้านบาท รวมกว่า 121,308 ราย สูงกว่าเป้าหมาย 3.84%

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราห์ (ธอส.)

ส่งผลให้ธอส.มีสินเชื่อคงค้างรวมกว่า 1.7 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.21% มีสินทรัพย์รวม 1.78 ล้านล้านบาท เงินฝากรวม 1.54 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีจำนวน 66,343 ล้านบาท คิดเป็น 3.87% ของสินเชื่อรวม ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4%

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ธอส.มีลูกหนี้สินเชื่อบ้านที่อยู่ในภาวะอ่อนแรง ซึ่งอาจจะตกชั้นกลายมาเป็นหนี้เสีย หรือ SM ถึง 15% ของพอร์ต ธนาคารก็ได้เตรียมมาตรการออกมารองรับเพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีอายุเกิน 3 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มลูกหนี้ที่มีอายุ 1-2 ปี และน้อยกว่า 1 ปี

ผลการดำเนินงาน ธอส. ปี 2566

 

“ธอส. มีการกำหนดมาตรการให้ เช่น ดอกเบี้ย 0% และผ่อนเงินต้น 100 บาท เป็นต้น โดยมาตรการนี้ดำเนินการภายใต้นโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เริ่มดำเนินการตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค.66 ที่ผ่านมา ปัจจุบันมีลูกค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 4,800 ล้านบาท” นายกมลภพกล่าว

 สำหรับทิศทางปี 2567 ของธอส. นั้น นายกมลภพ กล่าวว่า ธอส.ได้วางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 242,544 ล้านบาท เติบโตกว่าปีที่แล้ว 3% ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากการเติบโตของสินเชื่อที่อยู่อาศัยสอดคล้องกับการขยายตัวของเศรษฐกิจและธอส.ได้เตรียมมาตรการส่งเสริมนโยบายของรัฐบาล คาดว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์นี้ จะเห็นรายละเอียดที่ชัดเจน

 โดยในการดำเนินงานปี 2567 ธอส.ยืนยันว่าจะเดินหน้าตรึงอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดภาระให้กับลูกค้ามากที่สุด อีกทั้ง ธนาคารจะติดตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่จะประชุมในวันที่ 7 ก.พ.67 นี้ หากมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธอส.ก็จะเป็นสถาบันการเงินอันดับท้ายๆ ที่จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม หากกนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ธนาคารก็พร้อมที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเช่นเดียวกัน

 ขณะเดียวกัน ธอส.มีแผนที่จะระดมทุนในปี 2567 จำนวน 97,000 ล้านบาท โดยมองว่าการระดมทุนต้นทุนต่ำนั้นมาพร้อมกับความเสี่ยง ฉะนั้น การระดมทุนของธนาคารจะต้องมีการบริหารจัดการเพื่อรักษาความสมดุล โดยธอส.จะระดมทุนผ่านการออกสลากออมทรัพย์ 10,000 ล้านบาท และออกพันธบัตรสีเขียวอีก 20,000 บาท ส่วนที่เหลือจะเป็นการระดมทุนจากเงินฝาก

 แม่ทัพ ธอส. คนที่ 14 ยังกล่าวอีกว่า ธอส.มีแผนที่จะบริหารหนี้เสีย ด้วยการตัดขายหนี้เสียบ้านออกไปให้แก่บรรษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่แบงก์รัฐแห่งหนึ่งกำลังจัดตั้งขึ้น เพื่อเป็นการบริหารพอร์ตสินเชื่อรวมให้มีสถานะที่ดีขึ้น วงเงิน 10,000 ล้านบาท โดยหนี้เสียจำนวนดังกล่าวนั้น ธนาคารได้มีการตั้งสำรองหนี้ไว้ทั้งจำนวนแล้ว ดังนั้น จะไม่กระทบต่องบดุลของธนาคาร

 “ที่ผ่านมา เราเคยมีแผนที่จะจัดตั้ง AMC ด้วยตัวเอง แต่เมื่อทำการศึกษาพบว่า ด้วยกฎหมายจัดตั้งของธนาคารนั้น สามารถรับซื้อหนี้เสียได้เฉพาะสินเชื่อที่อยู่อาศัยเท่านั้น จึงไม่คุ้มค่าต่อการจัดตั้ง ดังนั้น เราจึงเลือกใช้แนวทางที่จะขายหนี้เสียออกไป”

 ทั้งนี้ ธนาคารมีแผนจะพัฒนาการเชื่อมโยงพันธมิตรด้านที่อยู่อาศัยให้เติบโตร่วมกันอย่างมั่นคง ผ่านการปล่อยสินเชื่อที่หลากหลายและสนับสนุนทั้งภาคเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และประชาชน รวมถึงสอดรับกับเมกะเทรนด์ในปี 2567 ทั้งด้านความยั่งยืน (Sustainable) ด้านนวัตกรรม (Innovation) ด้านสุขภาพ และด้านสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society

 ประกอบด้วย โครงการ Resale Home Ecosystem วงเงิน 64,500 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มจากระบบนิเวศที่อยู่อาศัยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยขยายความร่วมมือกับพันธมิตรที่ขายบ้านมือสอง  โครงการสินเชื่อ Green Loan วงเงิน 4,000-5,000 ล้านบาท จัดทำผลิตภัณฑ์และทำการตลาดสินเชื่อที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงาน อาทิ สินเชื่อบ้านอยู่เย็นเป็นสุข สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม ซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ซื้ออุปกรณ์ฯ เพื่อให้เป็นบ้านประหยัดพลังงาน (ECO House) อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นปีแรกเพียง 2.80% ต่อปี

 อีกทั้ง ยังมีโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบาง เพื่อดูแลประชาชนให้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยมากขึ้น รองรับ Aging

Society และลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมกันนี้ ธอส. ยังเตรียมจัดทำโครงการสินเชื่อเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าประชาชน กับสินเชื่อบ้านธอส.สุขสบาย ปี 2566

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,962 วันที่ 1 - 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567