น.ส.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากรเปิดเผยว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา กรมสรรพากรสามารถนำผู้เสียภาษีรายใหม่ เข้าสู่ระบบภาษีได้ จำนวน 137,091 ราย และภาษีชำระรวม จำนวน 2,408 ล้านบาท โดยผู้เสียภาษีรายใหม่เป็นผู้ประกอบการทุกกลุ่ม และรวมถึงผู้ค้าออนไลน์ด้วย ทั้งนี้หากมีเงินได้ถึงเกณฑ์ยื่นแบบภาษี ต้องปฏิบัติหน้าที่ทางภาษีให้ถูกต้อง
ขณะเดียวกัน กรมสรรพากรได้ดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการยื่นแบบภาษี ด้วยการส่งจดหมายแจ้งเตือนผู้มีเงินได้ถึงเกณฑ์ (Pre warning / Notification Letter) จากการทำ Data Analytics ของกรมสรรพากร เพื่อหาข้อมูลบ่งชี้การมีเงินได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นแบบ และมีบริการแจ้งเตือนจากกรมสรรพากร เพื่อให้บุคคลธรรมดายื่นแบบภายในกำหนดเวลา ซึ่งเป็นการลดภาระเบี้ยปรับเงินเพิ่ม กรณียื่นเกินกำหนดเวลาด้วย
โดยในปีงบประมาณ 2566 กรมส่งจดหมายถึงผู้มีเงินได้ 74,420 ราย ซึ่งมีผู้เปลี่ยนพฤติกรรมยื่นแบบตรงเวลาด้วยความสมัครใจกว่า 37,371 ราย คิดเป็น 51.06% และชำระภาษี รวมจำนวน 688 ล้านบาท สำหรับรายที่ไม่เปลี่ยนพฤติกรรม กรมสรรพากรจะดำเนินการด้วยมาตรการที่เข้มงวดต่อไป
สำหรับการยื่นแบบภาษีปี 2566 ซึ่งผู้มีเงินได้จะต้องยื่นในปี 2567 (ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-9 เม.ย.67) นั้น ล่าสุด วันที่ 28 ก.พ. 67 มีผู้มีเงินได้มายื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90,91) แล้ว 4.37 ล้านราย และได้ยื่นขอคืนภาษีกว่า 2.39 ล้านราย
ทั้งนี้ กรมสรรพากร ได้จ่ายเงินคืนแล้ว 1.58 ล้านราย คิดเป็นเงิน 14,838 ล้านบาท เมื่อผู้เสียภาษียื่นเอกสารครบถ้วน จะได้รับการคืนภาษีให้ภายใน 5-7 วัน โดยปีที่ผ่านมามีผู้ยื่นแบบภาษีราว 11.4 ล้านคน ซึ่งในจำนวนราว 4 ล้านราย เป็นผู้มีรายได้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ต้องชำระภาษี
น.ส.กุลยา กล่าวว่า ในปีนี้กรมสรรพากรก็ได้ส่งจดหมายถึงผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อให้ผู้เสียภาษียื่นแบบภาษีเป็นแบบออนไลน์ และเข้าสู่ระบบ My Tax Account ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร เพื่อยืนยันตัวตนและติดตามตรวจสอบข้อมูลการเสียภาษีด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้เสียภาษี และทำให้การเสียภาษีของผู้มีรายได้เป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เนื่องจากข้อมูลได้เชื่อมต่อกันแล้ว ทั้งข้อมูลเงินเดือน ประกัน หุ้น และกองทุน ที่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
“กรมสรรพากร ได้ส่งจดหมายถึงผู้เสียภาษีนั้น เป็นความจริงทุกประการ โดยกลุ่มที่กรมสรรพากร เลือกส่งจดหมายนั้น จะเป็นผู้ที่ยื่นภาษีออนไลน์แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปใช้งาน My Tax Account เพื่อตรวจสอบข้อมูลภาษีของตัวเองแต่อย่างใด ดังนั้น กรมสรรพากร จึงอยากเชิญชวนให้ผู้เสียภาษีทุกราย ที่ยังไม่ได้เข้าระบบ My Tax Account ขอให้เปิดใจและเข้าไปใช้บริการ เพราะสะดวกสบาย มีขั้นตอนการยื่นแบบภาษีที่ง่ายมาก ซึ่งการยื่นแบบภาษีผ่านออนไลน์จะยื่นได้ถึง 9 เม.ย.67 นี้ หากยื่นแบบกระดาษจะยื่นได้ถึง 31 มี.ค.67 เท่านั้น”
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพากร ตั้งเป้าจัดเก็บรายได้ทั้งหมด 2.28 ล้านล้านบาท ซึ่งผลการจัดเก็บภาษีสรรพากร ในช่วง 4 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ต.ค. 66 - ม.ค. 67) จัดเก็บรายได้ 622,691 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 9,298 ล้านบาทหรือ 1.5% และสูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ 6,780 ล้านบาทหรือ 1.1%
แหล่งข่าวจากกระสรรพากร กล่าวว่า หลังจากบังคับใช้กฎหมายให้สถาบันการเงินรายงานธุรกรรมการเงินลูกค้าต่อกรมสรรพากร หากรับโอนตั้งแต่ 3,000 ครั้งขึ้นไป หรือฝาก/รับโอนเงินทุกบัญชีรวมกันตั้งแต่ 400 ครั้ง รวมเงิน 2 ล้านบาทขึ้นไป/ปี/ธนาคารนั้น ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา กรมได้ลงพื้นที่ไปสำรวจรายได้ของผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และในปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา กรมดึงผู้เสียภาษีเข้าระบบได้ 137,091 ราย โดยในจำนวนดังกล่าว 30-40% มาจากการรายงานธุรกรรมการเงินลูกค้า
สำหรับปีภาษี 2566 ที่ยื่นแบบในปี 2567 นี้ กรมก็ยังทำงานเชิงรุกเพื่อให้ผู้มีเงินได้เข้าสู่ระบบภาษีตามกฎหมาย โดยกรมได้ใช้ Data Analytics ของกรมสรรพากรเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลต่างการยื่นแบบ และยังใช้เครื่องมือการส่งจดหมายถึงผู้มีเงินได้ให้มายื่นแบบในระยะเวลาที่กำหนดด้วย เพราะหากพ้นกำหนดเวลาบุคคลธรรมดาที่ไม่ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90/91 เกินกำหนดเวลาต้องระวางโทษค่าปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 35 แห่งประมวลรัษฎากร แต่สามารถขอลดค่าปรับได้
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 44 ฉบับที่ 3,973 วันที่ 10 - 13 มีนาคม พ.ศ. 2567