นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดทางภาคใต้ ธนาคารห่วงใยลูกค้าและผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอย่างยิ่ง จึงออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถกลับมาเดินหน้าธุรกิจได้ในเร็ววัน ได้แก่
สำหรับลูกค้าธนาคารที่ได้รับผลกระทบทางตรงและทางอ้อม ในพื้นที่ประสบภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย สำหรับกลุ่มเงินกู้ยืมแบบมีระยะเวลา (Term loan) สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน สัญญาเบิกเงินทุนหมุนเวียนประเภทตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายระยะเวลาชำระตั๋วสัญญาใช้เงินออกไปอีกสูงสุด 180 วัน และสามารถพักชำระดอกเบี้ยได้
ได้แก่ 1. “สินเชื่อฉุกเฉิน”
สำหรับลูกค้าเดิมได้รับผลกระทบทางตรง ที่มีสถานประกอบการตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ภัยพิบัติตามที่ธนาคารกำหนด เพื่อให้มีวงเงินกู้ฉุกเฉิน นำไปฟื้นฟูธุรกิจเฉพาะหน้า วงเงินกู้ 10% ของวงเงินเดิม ขั้นต่ำ 30,000 บาท สูงสุด 200,000 บาท (บุคคลธรรมดา สูงสุด 100,000 บาท และนิติบุคคล สูงสุด 200,000 บาท)
อัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี ระยะเวลากู้ 3 ปี ปลอดชำระเงินต้น 12 เดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน ยกเว้นค่าธรรมเนียม ลดกระบวนการนำส่งเอกสารในการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทางตรงเป็นการเร่งด่วน
2. “สินเชื่อ Boost Up เพื่อเอสเอ็มอีประสบอุทกภัย”
เปิดกว้างทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยทางตรง ซึ่งมีสถานประกอบการอยู่ในพื้นที่ ตามประกาศของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพื่อลงทุน ปรับปรุง หรือหมุนเวียนเสริมสภาพคล่อง เพื่อฟื้นฟูกิจการ วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท (รวมทุกสถาบันการเงินสูงสุดไม่เกิน 40 ล้านบาท)
อัตราดอกเบี้ย 3.50% ต่อปี คงที่ 2 ปีแรก ส่วนปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR +1.5%ต่อปี ระยะเวลาผ่อนนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน หลักประกัน ใช้ บสย.ค้ำประกันได้เต็มวงเงิน สิ้นสุดวันรับคำขอกู้ภายใน 30 ธันวาคม 2567 หรือจนกว่าจะเต็มวงเงินของโครงการ