นายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งสร้างความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย ทรัพย์สินและพื้นที่การเกษตร ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตและการประกอบอาชีพของเกษตรกรโดยตรง
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ธ.ก.ส. ได้จัดวงเงินรวม 20,000 ล้านบาท ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน
และโครงการสินเชื่อฟื้นฟูและพัฒนาคุณภาพชีวิต
เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเข้าถึงเงินทุนอัตราดอกเบี้ยต่ำในการฟื้นฟูความเสียหายที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติธรรมชาติ สำหรับนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โรงเรือนการเกษตร หรือเครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงส่งเสริมให้เกษตรกรลูกค้าสามารถลดภาระด้านต้นทุนการผลิตและมีเงินทุนหมุนเวียนในกรณีฉุกเฉินในระหว่างการฟื้นฟูจนสามารถกลับมาประกอบอาชีพและดำเนินธุรกิจตามปกติต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของสถานที่ในการขับเคลื่อนภารกิจธนาคารและการให้บริการกับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. จึงได้ดำเนินการตรวจสอบโครงสร้างอาคารและระบบงานที่เกี่ยวข้องทุกพื้นที่ เพื่อให้ระบบของธนาคารสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยมีความเข้มแข็งและมีเสถียรภาพ
สำหรับลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว ธ.ก.ส. พร้อมเข้าไปดูแลและช่วยเหลือลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกมิติตามวิสัยทัศน์การเป็นธนาคารพัฒนาชนบทที่ยั่งยืน โดยสามารถแจ้งความประสงค์ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึง 30 กันยายน 2568