เตือนผู้เอาประกันภัยเตรียมพร้อมรับมือ “สถานการณ์น้ำท่วม”

08 ก.ย. 2565 | 05:47 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2565 | 13:27 น.

สมาคมประกันวินาศภัยไทย ห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วม แจ้งเตือนผู้เอาประกันภัย " ประชาชนทั่วไป-นิติบุคล/นิคมอุตสาหกรรม" เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำท่วม ย้ำธุรกิจประกันวินาศภัยพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้เอาประกันภัย

สมาคมประกันวินาศภัยไทย แจ้งเตือนผู้เอาประกันภัย ทั้งประชาชนทั่วไป-นิติบุคล/นิคมอุตสาหกรรม"เตรียมความพร้อม-ป้องกันและรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนโดยรวม ย้ำธุรกิจประกันวินาศภัยพร้อมยืนหยัดเคียงข้างผู้เอาประกันภัย

เตือนผู้เอาประกันภัยเตรียมพร้อมรับมือ “สถานการณ์น้ำท่วม”

นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า จากการที่สภาวะอากาศของโลกได้เกิดการแปรปรวนอย่างมากอันเป็นผลกระทบจากสภาวะโลกร้อน ทำให้บางภูมิภาคของโลกเกิดความแห้งแล้งอย่างมากและในบางภูมิภาคเกิดปัญหาฝนตกหนักอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เช่น ประเทศปากีสถาน และเกาหลีใต้

 

แม้กระทั่งในประเทศไทยเองก็เกิดภาวะฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก่อให้เกิดน้ำท่วมขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้นั้น สมาคมประกันวินาศภัยไทยได้ติดตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และมีความห่วงใยจึงขอแจ้งเตือนผู้เอาประกันภัย รวมถึงผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป ให้เตรียมพร้อมในการรับมือกับภัยน้ำท่วม ดังต่อไปนี้

 

1. ติดตามการพยากรณ์อากาศล่วงหน้า การแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก การแจ้งระบายน้ำจากเขื่อน รวมทั้งข้อมูลและประกาศแจ้งเตือนอื่น ๆ จากกรมอุตุนิยมวิทยาและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด

 

2. ติดตามสถานการณ์การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่ธุรกิจหรือที่พักอาศัยของท่านตั้งอยู่

 

3. ตรวจเช็คสภาพแนวกั้นน้ำโดยรอบและระดับความสูงต่ำของพื้นที่ตั้งเพื่อดูความเป็นไปได้ของการท่วมขัง

4. สำรวจช่องทางการระบายน้ำและเส้นทางการไหลของน้ำหากเกิดน้ำท่วม รวมทั้งเคลียร์ช่องทางการระบายน้ำและกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำแต่เนิ่น ๆ

 

5. สำรวจความมั่นคงแข็งแรงของสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงผนังอาคาร พื้น และบริเวณโดยรอบ หากพบบริเวณที่ชำรุดควรรีบดำเนินการซ่อมแซมในทันที

 

6. สำรวจการทำงานของระบบตัดกระแสไฟฟ้าอัตโนมัติ และการปิดระบบไฟฟ้าหากเกิดน้ำท่วม

 

7. เตรียมการยกระดับความสูงของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ติดตั้ง รวมถึงขนย้ายวัตถุดิบและสต๊อกสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ ขึ้นที่สูง

 

8. เตรียมการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินมีค่าและยานพาหนะไปยังสถานที่ปลอดภัย หากจำเป็นต้องอพยพออกจากสถานประกอบการหรือที่พักอาศัย

 

9. สำหรับนิคมอุตสาหกรรมซึ่งมีโรงงานอุตสาหกรรมตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก ควรสำรวจแนวป้องกันที่สร้างไว้ว่ายังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะป้องกันน้ำจากภายนอกหรือไม่ และเตรียมเครื่องสูบน้ำให้เพียงพอเพื่อระบายน้ำออกจากนิคมในกรณีที่ฝนตกหนักและเกิดการท่วมขังภายใน

 

10. สำรวจกรมธรรม์ประกันภัยที่มีอยู่ว่ามีความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือไม่ และได้มีการต่ออายุกรมธรรม์เรียบร้อยแล้วหรือไม่

ทั้งนี้ ในส่วนของกรมธรรม์ประกันภัย สมาคมฯ ขอแนะนำให้ผู้เอาประกันภัยตรวจสอบความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยที่ท่านทำไว้ ดังนี้

 

1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วมเฉพาะกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 หรือ กรมธรรม์ประเภท 2+ / 3+ (เฉพาะกรมธรรม์ที่ขยายความคุ้มครองความเสียหายจากภัยธรรมชาติเท่านั้น)

 

2. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยสำหรับที่อยู่อาศัย ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วม

 

3. กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย จะให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วม เฉพาะกรมธรรม์ที่ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมเพิ่มเติมเท่านั้น

 

4. กรมธรรม์ประกันภัยความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยน้ำท่วม

 

5. กรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี หรือกรมธรรม์ประกันภัยข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยพิบัติกรณีน้ำท่วม

 

"ปัจจุบันภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะภัยน้ำท่วม ได้สร้างความสูญเสียหรือความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนอยู่บ่อยครั้ง และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สมาคมประกันวินาศภัยไทยมีความห่วงใยผู้เอาประกันภัย รวมถึงผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป จึงขอแจ้งเตือนผู้เอาประกันภัยรวมถึงประชาชนทั่วไป ได้เตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดความสูญเสียที่จะเกิดต่อระบบเศรษฐกิจและประชาชนโดยรวม อย่างไรก็ตาม หากเกิดภัยน้ำท่วมขึ้นไม่ว่าที่ใดที่ทำให้ผู้เอาประกันภัยได้รับความเสียหาย ธุรกิจประกันวินาศภัยก็พร้อมที่จะยืนหยัดเคียงข้างผู้เอาประกันภัยในการให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่"