นางสาวดารบุษป์ ปภาพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน อีสท์สปริง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บลจ.อีสท์สปริงเปิดเผยว่า กองทุนกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยเริ่มกลับมาน่าสนใจในปีนี้ ซึ่งปัจจุบันบลจ.อีสท์สปริงมีกองทุนภายใต้บริหารจัดการคือ กองทุนเปิดธนชาตพรีเมียม แบรนดส์ฟันด์ (T-PREMIUM BRAND) ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนหลัก PICTET FUNDS (LUX ) - PREMIUM BRANDS ไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ
โดยกองทุนหลักจะเน้นลงทุนในตราสารทุนเกี่ยวกับสินค้าบริการระดับพรีเมียม บริหารจัดการโดย Pictet Funds (Europe) S.A มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนแบบ Thematic มากกว่า 26 ปี มีรูปแบบการลงทุนกว่า 15 ธีม โดยกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนี MSCI World Consumer Discretionary Index-ND
“กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Premium Brands ในหมวดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Luxury brands อาทิ LVMH และ Hermes, Sport Apparel อย่าง NIKE และ Adidas, เครื่องสำอาง เช่น L’Oreal , การท่องเที่ยว เช่น Marriott International และ Hilton Worldwide”
บลจ.อีสท์สปริง ประเมินว่า กลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury) ค่อนข้างมีความน่าสนใจ นอกเหนือจากความต้องการของคนจีนจากการเปิดประเทศและผ่อนคลายมาตรการโควิดเป็นศูนย์ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาแล้ว กลุ่มสินค้ากลุ่มนี้เน้นการสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีความสามารถในการกำหนดราคา รวมถึงทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อได้ดี
จากการเปิดเผยข้อมูลของ Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาระดับโลกในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดการณ์การบริโภคกลุ่มสินค้ากลุ่ม Personal Luxury จะกลับมาฟื้นตัวได้ในปี 2566 เนื่องจากห้างสรรพสินค้าและร้านค้าปลอดภาษี (Duty Free)เริ่มกลับมาเปิดอีกครั้ง
ขณะที่พื้นฐานการบริโภคของคนจีนไม่เปลี่ยนแปลง และจีนยังคงเป็นประเทศที่เติบโตเร็ว มีประชากรรายได้ปานกลาง-สูงจำนวนมากขึ้น และคาดว่าจำนวนประชากรเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าภายในปี 2573 และคาดว่าการบริโภคกลุ่มสินค้าเหล่านี้จะกลับมาฟื้นตัวได้เทียบเท่าระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโควิดในช่วงกลางปี 2566 นี้
หากดูจากผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมาของ MSCI World Index ในกลุ่มของ Consumer discretionary ซึ่งเป็นกลุ่มของสินค้าฟุ่มเฟือย จะพบว่าทั้งยอดขายเติบโต11.69% และกำไรเติบโต 22.27% ซึ่งถือว่าค่อนข้างเติบโตได้โดดเด่น เมื่อเทียบกับ การเติบโตของบริษัทใน ishare MSCI World Index ที่ยอดขายเติบโตเพียง 7.71% และกำไรลดลง 0.78% (ที่มา Bloomberg : ณ วันที่ 3 มีนาคม 2566)
ทั้งนี้คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS Growth) ของ MSCI World Index คาดว่าในปี 2567 เติบโต 8.37% และปี 2568 เติบโต 6.95% ขณะที่ในส่วนของ MSCI Consumer discretionary Index ในปี 2567 คาดว่าจะเติบโต 16.85% และ 2568 เติบโต 14.57% ซึ่งสูงกว่า 2 เท่าของ MSCI World Index (ที่มา Bloomberg : ณ วันที่ 3 มีนาคม 2566)
"กองทุน T-Premium Brand ถือเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ตอบโจทย์การฟื้นตัวของสินค้าฟุ่มเฟือย รวมถึงความสามารถในการตั้งราคาได้ดีทำให้สามารถรับมือจากเงินเฟ้อได้ สำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหากองทุนที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย กองทุนนี้ถือว่าเป็นกองทุนทีมีความน่าสนใจและได้ประโยชน์จากความต้องการของคนจีนที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ"นางสาวดารบุษป์กล่าว