ดาวโจนส์ปิดร่วง 308 จุด กังวลอุปสงค์แรงงานสูงกว่าคาดกดดันเฟดเร่งขึ้นดบ.

30 ส.ค. 2565 | 23:35 น.
อัปเดตล่าสุด :31 ส.ค. 2565 | 07:03 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดในวันอังคาร (30 ส.ค.) หลังสหรัฐเผยตัวเลขเปิดรับสมัครงานสูงกว่าคาด ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะใช้ข้อมูลดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งในเหตุผลของการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,790.87 จุด ร่วงลง 308.12 จุด หรือ -0.96%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,986.16 จุด ลดลง 44.45 จุด หรือ -1.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,883.14 จุด ลดลง 134.53 จุด หรือ -1.12
          

สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 200,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 11.24 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.3 ล้านตำแหน่ง ส่วนอัตราการเปิดรับสมัครงานดีดตัวสู่ระดับ 6.9%
         

ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด

ราคาหุ้นปรับตัวลงทุกกลุ่ม ท่ามกลางความวิตกกังวลว่าข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งจะผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งจัดอยู่ในหุ้นกลุ่มเติบโต (Growth Stock) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 1.26% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 1.53% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.85% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.44% ร่วงลง 1.75%
         

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 5% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน ทั้งนี้ หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ร่วงลง 2.57% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 4.33% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.43% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 3.81%          
         

ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 27.69 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 76.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 23.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
         

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 18.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี แต่ต่ำกว่าระดับ 19.9% ในเดือนพ.ค.
         

ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 103.2 ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 97.7 จากระดับ 95.3 ในเดือนก.ค.
         

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค, ความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน