หลังจากคณะกรรมการกำกับตลาดทุน (ก.ต.ท.) มีคำสั่งระงับการประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์(บล.) เอเชีย เวลท์ เป็นการชั่วคราวเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา หลัง บล. เอเชีย เวลท์ จำกัดแจ้งต่อก.ล.ต. และ ก.ล.ต.ตรวจพบว่า บริษัทนำเงินของลูกค้าที่อยู่ในความครอบครองของบริษัทไปชำระเป็นค่าซื้อหลักทรัพย์กับสำนักหักบัญชี โดยลูกค้าไม่ได้มีคำสั่งหรือยินยอมให้ดำเนินการเป็นเงิน 157.99 ล้านบาท
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) โดยนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานก.ล.ต. ได้นัดแถลงข่าวด่วนกับสื่อมวลชนว่า การะงับการทำธุรกรรมของบล.เอเชีย เวลท์ เป็นคำสั่งเบื้องต้น เพื่อให้นำเงินของลูกค้าที่บริษัทนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ มาคืนภายในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ย. 2565
ขณะเดียวกันยังให้บล.เอเชีย เวลท์ต้องดำเนินการให้เสร็ภายในวันนี้(18 พ.ย.65) 2 เรื่องคือ จัดให้มีระบบงานในการป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีกและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าของบริษัท เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกค้าที่มีอยู่กับบริษัทได้ตามความประสงค์ของลูกค้า ภายในระยะเวลาที่ตกลงกับลูกค้า
“ขณะนี้บล.เอเชีย เวลท์ ทำผิดกฎ ที่ก.ล.ต.มีประกาศให้บริษัทหลักทรัพย์มีหน้าที่ดูแลทรัพย์สินของลูกค้าให้ปลอดภัย โดยแยกบัญชีสินทรัพย์ของลูกค้าออกมาให้ชัดเจนจากสินทรัพย์ของบริษัท เป็นคำสั่งเบื้องต้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายกับนักลงทุน แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบล.เอเชีย เวลท์ มีฐานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงในการดำเนินธุรกิจหรือไม่ เพราะยังเร็วเกินไปที่จะสรุป ต้องรอการสืบสวนในรายละเอียดต่อไป”นางสาวรื่นวดีกล่าว
ทั้งนี้ ก.ล.ต.ยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า การดำเนินการดังกล่าวของบล.เอเชีย เวลท์ มีการกระทำผิดกฎหมายอื่นเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งทางแพ่งและอาญา ซึ่งหากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป รวมถึงมาตรการลงโทษ หากไม่สามารถนำเงินมาคืนลูกค้าได้ภายในวันที่ 20 พ.ย. เพราะยังต้อรอดูว่า เมื่อถึงกำหนดแล้วสามารถนำเงินมาคืนลูกค้าได้หรือไม่
“ก.ล.ต.ได้เตรียมแนวทางดำเนินการไว้แล้ว ทั้งกรณีที่สามารถคืนเงินได้ และคืนเงินไม่ได้ ซึ่งเท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บริหาร บล.เอเชีย เวลท์ในเบื้องต้น บริษัทแจ้งว่า มีแผนงานอยู่หลายช่องทาง จึงจะรอให้ถึงเวลานั้นก่อน ส่วนจะนำไปถึงความผิดในส่วนอื่น ๆ หรือกฎหมายฉบับอื่นด้วยหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณากันในขั้นตอนต่อไป”นางสาวรื่นวดีกล่าว
อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าว ไม่ได้บ่งชี้ว่า ถึงสถานะของบริษัทหลักทรัพย์ว่า มีปัญหาหรือไม่ แต่เป็นการกระทำของบริษัทหลักทรัพย์นั้นๆ เองในการนำเงินลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่ง ณ ขณะนี้ ก.ล.ต.ยังไม่พบว่า มีบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆ มีพฤติกรรมในลักษณะดังกล่าว และยังไม่ได้รับรายงานการแห่ถอนเงินจากบริษัทหลักทรัพย์อื่นๆแต่อย่างใด
ส่วนการซื้อขายหุ้น MORE ที่ผิดปกตินั้น นางสาวรื่นวดี ยืนยันว่า ก.ล.ต.ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ และประสานการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ป.ป.ง. และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อดำเนินการค้นหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง