อัพเดตบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ หลังจากคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัท ธานนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเข้าซื้อ บริษัท อีโกรนิกซ์ จำกัด (EGRONIX)
"Egronix"ดำเนินธุรกิจในด้านการปลูกและจำหน่ายพืช กัญชง กัญชา และพืชอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม มูลค่ากว่า 1,200 ล้านบาทนั้น ล่าสุดบริษัทเดินหน้าเตรียมต่อยอดธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำพร้อมเปิดรับพันธมิตรขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิตกัญชงเพื่อส่งมอบคู่ค้าในอนาคตนั้น
นายชนน วังตาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ AQ กล่าวว่า AQ ได้มีการกระจายการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจกัญชง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอนาคตที่สามารถเติบโตและสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อีกมาก
ด้วยจุดเด่นของบริษัทที่ได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพจากบริษัท Egronix ซึ่งเป็นฟาร์มผลิตขนาดใหญ่ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพเข้ามาอยู่ภายใต้การดำเนินงาน และเตรียมที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
ปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรในประเทศโดยเฉพาะด้านการแพทย์ พร้อมจะรับซื้อผลผลิตกัญชงจากไร่แล้ว ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างรอการเก็บเกี่ยว ซึ่งคาดว่าบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ประมาณไตรมาส 1ปี 2566 โดยคาดกว่าน่าจะเห็นอัตรากำไรชั้นต้นหรือ Gross Profit Marginประมาณ70%
“ ปีหน้าไตรมาสแรก มีความเป็นไปได้ที่บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากกัญชง ซึ่งคาดว่าจะเห็นGross Profit Marginประมาณ 70%ส่วนอนาคตเมื่อกฎหมายมีความชัดเจนบริษัทจะต่อยอดธุรกิจกัญชาโดยมีเป้าหมายจะทำธุรกิจอย่างครบวงจร”
ต่อข้อถามถึงแผนธุรกิจปี2566นั้น นายชนนกล่าว่า ปีหน้าบริษัทจะโฟกัส 2ธุรกิจคือ ธุรกิจกัญชง และธุรกิจผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นันแบงก์) นอกจากการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้บริษัทเอ็มเอสซี ดับเบิลยู(MSCW)แล้วยังมุ่งหวังที่จะต่อยอดธุรกิจพิโกไฟแนนซ์ และบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี) ทั้งนี้อนาคตเตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์MAI
ในส่วนของธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล ภายใต้กำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)คาดว่าจะมีพอร์ตคงค้างสินเชื่อเพิ่มเป็น 300ล้านบาทจากปัจจุบันอยู่ที่ 120ล้านบาท โดยเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อต่อรายวงเงินไม่เกิน 1แสนบาทคิอดอกเบี้ยอัตรา 25%ต่อปีระยะเวลาผ่อนชำระ 36เดือน
นายวรวุฒิ ไหลท่วมทวีกุล กรรมการบริหารบริษัทเอคิวกล่าวว่า ธุรกิจบริษัทอีโกรนิกซ์(Egronix)เรามองว่ามีโอกาสสูงในอนาคต ปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกกัญชงของบริษัทตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 15ไร่ที่ลำพูน มีโรงเรือนในร่ม (Green House) จำนวน 50 อาคาร ประมาณ 8,000 ตารางเมตร
และพื้นที่ปลูกกลางแจ้ง (Outdoor) ประมาณ 3,300 ตารางเมตร รวมพื้นที่แปลงเพาะปลูกกว่า 12,000 ตารางเมตร โดยบริษัทอยู่ระหว่างสร้างผลผลิต คือ “ช่อดอก”เพื่อขายให้กับคู่ค้าพันธมิตรที่พร้อมรับซื้ออยู่แล้ว
“แม้จะมีพันธมิตรรับซื้ออย่างมั่นคง แต่เราค่อนข้าง Conservative เบื้องต้นกำลังการผลิตมีอยู่ประมาณ 750กิโลกรัมต่อปีในจำนวนนี้เป็นผลผลิตกัญชา 450กิโลกรัมสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 3-4รอบต่อปี แต่ในอนาคตบริษัทจะขยายพื้นที่ปลูกอีก 10โรงเรือนกำลังการผลิตราว 600กิโลกรัมต่อปี ซึ่งหากมีผู้ซื้อเพิ่มเราก็พร้อมจะส่งมอบได้”
ทั้งนี้ ส่วนผลผลิตกัญชาปัจจุบันมี Highland Café เป็นทั้งคู่ค้าและผู้รับซื้อผลผลิต ซึ่งบริษัทเปิดรับคู่ค้าธุรกิจใหม่ๆในอนาคตเพื่อต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน เพราะปัจจุบันเป็นผู้ผลิตต้นน้ำที่ขายเพียงช่อดอก หากมีพันธมิตรเข้ามาจะสามารถพัฒนาสู่ธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำได้ โดยใช้ส่วนอื่นๆเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ได้เพิ่ม เช่น ราก ใบ ลำตัน นอกจากสร้างมูลค่าเพิ่มให้ครบวงจร แล้วยังมองไปในอนาคตที่จะไม่เหลือของเสียจากการปลูกคือเป้าหมายที่จะเป็น Zero Waste
ปัจจุบันทางบริษัทฯ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญด้านกัญชง-กัญชา จากศูนย์วิจัยและพัฒนาเกษตรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เป็นผู้ให้คำปรึกษาตลอดการดำเนินการที่ผ่านมา และใช้นวัตกรรมในการปลูกกัญชง รวมถึงโรงอบของมหาวิทยาลัยแม่โจ้ ในการอบกัญชงอีกด้วย
อนึ่ง ปัจจุบัน AQ ดำเนินธุรกิจในลักษณะเป็น Holding Company โดยมีธุรกิจครอบคลุม 5ธุรกิจหลักประกอบด้วย
1. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เน้นโครงการแนวราบ
2. กลุ่มธุรกิจโรงแรม
3. ธุรกิจพลังงานทางเลือก ได้แก่พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์
4. ธุรกิจผู้ให้บริการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน(นันแบงก์) และ
5. ธุรกิจกัญชง-กัญชาแบบครบวงจร