ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 528 จุด หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งหนุนตลาด

12 ธ.ค. 2565 | 23:40 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ธ.ค. 2565 | 06:46 น.

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันจันทร์ (12 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐและผลประชุมเฟด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,005.04 จุด พุ่งขึ้น 528.58 จุด หรือ +1.58%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,990.56 จุด เพิ่มขึ้น 56.18 จุด หรือ +1.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,143.74 จุด เพิ่มขึ้น 139.12 จุด หรือ +1.26%
         

ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากราคาหุ้นไมโครซอฟท์ที่พุ่งขึ้น 2.89% หลังจากบริษัทประกาศเป็นพันธมิตรกับกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน (London Stock Exchange Group - LSEG) โดยไมโครซอฟท์จะเข้าซื้อหุ้นของ LSEG ในสัดส่วน 4% จากผู้ถือหุ้นเดิมคือแบล็คสโตน/ธอมสัน รอยเตอร์ คอนซอร์เทียม (Blackstone/Thomson Reuters Consortium)
         

ทั้งนี้ ข้อตกลงส่วนหนึ่งระบุว่า ในช่วงเวลา 10 ปีข้างหน้า LSEG จะใช้บริการคลาวด์และซัพพอร์ตจากไมโครซอฟท์ เป็นมูลค่าอย่างน้อย 2.8 พันล้านดอลลาร์ และจะมีการเชื่อมระบบ LSEG Workspace เข้ากับผลิตภัณฑ์ของไมโครซอฟท์ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนรายได้ของไมโครซอฟท์ให้แข็งแกร่งขึ้น
         

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดีดตัวขึ้น 3% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 0.99% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.91% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 1.6%

 

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันนี้ (13 ธ.ค.) โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะขยายตัว 7.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 7.7% และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.1% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากเดือนต.ค.ที่มีการขยายตัว 6.3%

 

นักลงทุนยังจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธที่ 14 ธ.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 15 ธ.ค.ตามเวลาไทย นอกจากนี้ ยังรอดูถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 และการเปิดเผยคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะส่งสัญญาณแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของเฟดจนถึงปี 2568
         

ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน