รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผย ตัวเลขการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา (3 - 6 ม.ค.66 ) มีมูลค่ารวม 300,489.88 ล้านบาท หรือเฉลี่ยต่อวัน 75,122.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.93% จากสัปดาห์ก่อนหน้า โดยดัชนีหุ้นไทย ( SET Index ) ปิดการซื้อขายปลายสัปดาห์ ( 6 ม.ค.66 ) ที่ระดับ 1,673.86 จุด เพิ่มขึ้น 0.31% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 1,668.66 จุด
มูลค่าซื้อขายแยกตามนักลงทุนรายกลุ่ม ดังนี้
นายกวี ชูกิจเกษม Head of Research and Content บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) พาย (Pi) กล่าวว่า เป็นไปตามคาดที่ว่าจะเกิด January Effect ในช่วงต้นปีจากแรงซื้อของต่างชาติ โดยในสัปดาห์แรกของปี 2566 นักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงซื้อตราสารหนี้ไทยอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้เป็นผลจากการที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง โดยได้รับแรงเสริมจากการเปิดประเทศจีน ทำให้คาดหวังถึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเพิ่มขึ้นและส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยกลับมาเกินดุลได้ในปีนี้ โดยหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติซื้อในช่วงสัปดาห์ผ่านมายังคงประกอบไปด้วยหุ้นกลุ่ม Domestic Play (หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจในประเทศ) เช่นเดิม ได้แก่ AOT, CPALL, BBL, KBANK, BDMS, BH, KTB, BBL, KTB, ADVANC, INTUCH และ CPN
อย่างไรก็ดีเป็นที่น่าสังเกตว่าหุ้นกลุ่มธนาคารมีแรงซื้อเข้ามามากที่สุด น่าจะเป็นเพราะราคายังไม่แพง เงินปันผลสูง และกำไรคาดว่าจะโตแข็งแกร่ง ขณะที่มีแรงขายในหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มส่งออกต่อเนื่องจากช่วงปลายปี จากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเช่น DELTA, ESSO, KCE, BANPU, BCP, PTTEP เป็นต้น
โดยสัปดาห์นี้เราแนะนำ KBANK และ MINT
ทั้งนี้การซื้อขายของบัญชี“เอ็นวีดีอาร์” (NVDR) ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับนักลงทุนต่างประเทศในการซื้อหุ้นไทย ณ วันที่ 6 ม.ค.66 โดย 5 อันดับแรก ประกอบด้วย
5 อันดับหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสูงสุด ได้แก่
5 อันดับหุ้นไทยที่นักลงทุนต่างชาติขายสูงสุด ได้แก่