บล.ทรีนีตี้ คาดการลงทุนปี 2566 เงินทุนเคลื่อนย้ายเร็ว ปัจจัยยังมีทั้งบวกและลบเข้ามากระทบตลาด บนทิศทางจีนเปิดประเทศ จะช่วยเศรษฐกิจขยายตัว ผ่านการท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน ซึ่งในไตรมาสแรก ธนาคารกลางสหรัฐมีโอกาสกลับทิศทางการขึ้นดอกเบี้ยเป็นการคงดอกเบี้ย และอาจลดดอกเบี้ยในข่วงปลายปี
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปี 66 ตลาดหุ้นทั่วโลกจะมีความผันผวนได้ จากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยมีผลจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบรวดเร็วในปี 2565 ที่ผ่านมารวมกว่า 4% เพื่อที่ลดแรงกดดันเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นร้อนแรงกว่า 8 - 9%
โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 66 เศรษฐกิจสหรัฐ จะเริ่มถดถอย ขณะที่ประเทศจีนประกาศเปิดประเทศ จะส่งผลให้ เงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) ไหลออกจากสหรัฐ และมาลงทุนในตลาดหุ้นเกิดใหม่ต่อเนื่องจากปี 65
ตลาดหุ้นไทยในปี 66 จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาสแรกของปี โดยได้ปัจจัยบวกจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนลง และต้นทุนที่ถูกลงหลังอัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลง และดัชนีหุ้นไทยปี 66 นี้จะแกว่งอยู่ในช่วง 300 จุด โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยจะให้ผลตอบแทนดีที่สุดในไตรมาสแรกนี้ ก่อนช่วงไตรมาส 2 หรืออย่างช้าในไตรมาส 4 ที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มหาจังหวะลดการลงทุนหุ้นใน ASEAN
กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจ เน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงไฟฟ้ากลุ่ม Infrastructure Fund กลุ่ม Industrial Estate และกลุ่มโทรคมนาคม
กลยุทธ์ลงทุน : แนะนำเพิ่มสัดส่วนการลงทุนให้ Overweight ในสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ดอลลาร์ และการลงทุนในตลาดตราสารหนี้
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์แรกของปีนี้ที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิกว่า 7.8 พันล้านบาทในตลาดหุ้นไทย และตลาดพันธบัตรระยะสั้นไทยอีก 4.2 หมื่นล้านบาท
“การปรับอัตราดอกเบี้ยของ เฟด ลง 1 เดือน ตลาดหุ้นจะขึ้น 13% การตัดสินใจของเฟดจะมีผลต่อตลาดทุนทั้งหมด” ดร.วิศิษฐ์ กล่าว
ด้านการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย มีความเป็นไปได้ที่ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ในการประชุมวันที่ 25 มกราคม และ 29 มีนาคม 66 อยู่ที่ครั้งละ 0.25% ก่อนจะหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ย หลังอัตราเงินยังอยู่ระดับสูง แต่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้วก่อนหน้านี้