นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC เปิดเผย ผลการดําเนินงานปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขายเท่ากับ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปี 2564 จากธุรกิจแพคเกจจิ้ง และธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง
ขณะเดียวกันมี EBITDA ลดลง 33% จากปี 2564 มาอยู่ที่ 61,912 ล้านบาท และมีกําไรสุทธิ 21,382 ล้านบาท ลดลง 55 % จากปีก่อน สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมลดลง ทั้งนี้กําไรที่ไม่รวมรายการสําคัญ (Profit excluding key items) อยู่ที่ 23,270 ล้านบาท ลดลง 50% จากปีก่อน
ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2565 เอสซีจีมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 122,190 ล้านบาท ลดลง 14% จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักจากราคาและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ปรับตัวลดลง ตามความต้องการของตลาดที่ลดลง
โดยมี EBITDA เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 10,122 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่มีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมและการลงทุนใน ธุรกิจอื่น (ธุรกิจยานยนต์) โดยเอสซีจีมีกําไรสําหรับงวดเท่ากับ 157 ล้านบาท ลดลง 94% จากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง และ ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
ทั้งนี้หากเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เอสซีจีมีรายได้จากการขายลดลง 14% เนื่องจากราคาและปริมาณขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง โดยมี EBITDA ลดลง 53% และมีกําไรสําหรับงวดลดลง 98% สาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลงและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่ออนุมัติจ่ายเงินปันผลประจําปี 2565 ในอัตรา 8.0 บาทต่อหุ้น รวมเป็นจํานวนเงิน 9,600 ล้านบาท คิดเป็น 45% ของกําไรสําหรับปี
ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาล สําหรับครึ่งปีแรกในอัตรา6.0 บาทต่อหุ้น และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายในอัตรา 2.0 บาทต่อหุ้น คิดเป็นจํานวนเงิน 2,400 ล้านบาท กําหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 เมษายน 2566 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 7 เม.ย. 2566