SCG เผชิญวิกฤติต้นทุนเพิ่มขึ้นจากราคาพลังงาน กระทบต่อวัตถุดิบ และต้นทุนการเงิน ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าของผู้ซื้อลดลง ทำให้ภาพรวมทั้งปี 65 มีรายได้ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% กำไร 21,382 ล้าน ลดลง 55%
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG กล่าวถึงผลประกอบการในปี 2565 ว่า ทาง SCG มีรายได้ 569,609 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% กำไร 21,382 ล้านบาท ลดลง 55% สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทิศทางปิโตรเคมีขาลง ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และค่าไฟที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 มีกำไร 157 ล้านบาท ลดลง 94% จากไตรมาสก่อน ทั้งหมดนี้เป็นผลจากวิกฤติ ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ราคาพลังงานที่สูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และค่าเงินบาทผันผวน รวมไปถึงวัฏจักรปิโตรเคมีขาลงในรอบ 20 ปี
แต่ที่ผ่านมาความต้องการสินค้ากรีน มีการขยายตัวต่อเนื่อง ทั้งกลุ่มพลังงานสะอาด พลาสติกรักษ์โลก โซลูชันประหยัดพลังงาน ทำให้ยอดขายใน 2565 ในฝั่ง SCG Green Choice เติบโต 34% เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือมียอดขายรวม 51%
ทั้งนี้ที่ผ่านมาทาง SCG ได้ปรับตัวเพื่อลดผลกระทบที่มีต่อธุรกิจโดยรวม เน้นการรรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้มั่นคง ลดต้นทุนในการใช้พลังงานทดแทน และเทคโนโลยีดิจิทัลในกระบวนการ ส่งผลให้เงินสดคงเหลือแข็งแกร่งอยู่ที่ 95,000 ล้านบาท
“โดยในปีนี้ SCG ยังคงมุ่งรักษาความมั่นคงทางการเงินและสภาพคล่อง ลงทุนตามกลยุทธ์อย่างรอบคอบ ลดต้นทุนพลังงาน เร่งเดินหน้าธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ความต้องการใหม่ ๆ" นายรุ่งโรจน์ กล่าว
อย่างไรก็ตามในปี 2566 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น จากภาคท่องเที่ยวและการบริโภค ที่กลับมาคึกคัก ประกอบกับตลาดอาเซียนปรับตัวขึ้นตามการเปิดประเทศของจีน หลังราคาพลังงานปรับลดลงพ้นช่วงฤดูหนาว และเงินเฟ้อเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัว จะส่งผลดีกว่าในปีที่ผ่านมา
ขณะที่ราคาของบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC ในวันนี้ (26 ม.ค. 66) ล่าสุดช่วงเวลา 15.00น. ราคาอยู่ที่ 335.00 บาท ปรับตัวลดลง 10.00 บาท (-2.90%)