วันนี้ (10 ก.พ. 66) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษบุคคล 18 ราย ที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE ข้อหาเข้าข่ายเป็นฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
รายชื่อผู้กระทำความผิด 18 รายที่ถูกก.ล.ต. กล่าวโทษ
การกล่าวโทษครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบ กรณีการซื้อขายหุ้น MORE โดยประสานการทำงานร่วมกับพนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทําความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
หลังได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ของกลุ่มบุคคลที่อาจเข้าข่ายเป็นการสร้างราคา และข้อมูลจาก บก.ปอศ. กรณีมีบริษัทหลักทรัพย์รวม 10 แห่ง ร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับบุคคลหลายรายในข้อหาฉ้อโกง โดยทุจริต หลอกลวง ทำให้ได้ไปซึ่งเงินค่าซื้อขายหลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเหตุให้บริษัทหลักทรัพย์ได้รับความเสียหาย และทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์
โดยพบว่ามีผู้กระทำความผิดรวม 18 ราย ที่มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งด้านความสัมพันธ์ส่วนตัว ทางเงิน การซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงช่องทางและสถานที่ในการส่งคำสั่งซื้อขาย โดยได้แบ่งหน้าที่กันในการซื้อขายหลักทรัพย์ของ MORE ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งส่งคำสั่งซื้อขายที่มีการจับคู่ซื้อขายกันในปริมาณมาก ทำให้ราคาเปิดของหลักทรัพย์ MORE สูงกว่าราคาปิดของวันก่อนหน้า
อันเป็นการทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายของหลักทรัพย์ MORE อันเข้าข่ายเป็นฝ่าฝืนมาตรา 244/3 (1) ประกอบมาตรา 244/5 และมาตรา 244/6 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ก.ล.ต. จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 18 ราย ต่อ บก.ปอศ. เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ