วันนี้ (17 ก.พ. 66) บมจ.บลูเวนเจอร์กรุ๊ป หรือ BVG เข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ โดยปิดเทรดวันแรกที่ราคา 6.50 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.65 บาท (+68.83%) จากราคา IPO ที่ 3.85 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,583.35 ล้านบาท ซึ่งมีราคาเปิดอยู่ที่ 6.35 บาท โดยระหว่างวันทำราคาสูงสุดที่ 6.50 บาท และราคาต่ำสุด 5.10 บาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าราคาเป้าหมายปี 66 ของ BVG ที่ 5.70 บาท โดยอิง Median PER ของกลุ่ม TECH ในตลาด MAI ที่ 34 เท่า โดยหากอิงอตัราการเติบโตเฉลี่ยของกำไรของกลุ่มบริษัทฯ จะยังเห็น PEG ที่ 1 เท่า ซึ่งถือว่ายังสมเหตุสมผล
BVG เป็นกลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจ InsurTech ผ่านแพลตฟอร์มและแอปพลิเคชัน ซึ่งมีประสบการณ์ในธุรกิจมากว่า 20 ปี ทำให้มีความพร้อมด้านฐานข้อมูล ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งบริษัทประกันภัยยนต์และประกันสุขภาพในสัดส่วนที่มากกว่าครึ่ง นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และธุรกิจให้บริการนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี
ทั้งนี้คาดกำไรปี 65 ที่ 57 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% หลังจากกำไรงวด 9 เดือนปี 2565 อยู่ที่ 45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% ส่วนในปี 66-67 ยังเห็นกำไรโตสูงต่อเนื่องจากการขยายธุรกิจกลุ่มบริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจ ทั้งในไทยที่จะมีการเพิ่มฐานลูกค้า และเพิ่มการให้บริการต่างๆ ผ่านการพัฒนาระบบ AI ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BVG เป็นธุรกิจที่มีความเป็นผู้นำในตลาดแพลตฟอร์มการให้บริการสำหรับบริษัทประกันรถยนต์แบบครบวงจร ส่วนเชิงของการเติบโตของ BVG ที่ผ่านมาค่อนข้างจำกัด และแผนการเติบโตของบริษัทที่มุ่งเน้นการใช้ AI ในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าและคู่ค้าเป็นการลดต้นทุนมากกว่า
ขณะที่การเติบโตในอนาคตจากการขยายตลาดไปยังต่างประเทศยังต้องรอดู ในเชิงของราคา IPO มองว่าที่ระดับ PER ที่ 34 เท่า และใช้การจ้างผู้พัฒนาภายนอกในการพัฒนาระบบทำให้มองว่าช่วงราคาที่ 3.85 บาท มีความเหมาะสม