บล.บัวหลวง มองปี 66 เงินเฟ้อคลาย จัดเลือกตั้ง หนุนตลาดหุ้นคึกคัก

07 มี.ค. 2566 | 08:08 น.
อัปเดตล่าสุด :07 มี.ค. 2566 | 08:23 น.

บล.บัวหลวง คาดปี 2566 เงินเฟ้อเริ่มคลี่คลาย เฟด อาจจบการปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในปีนี้ ขณะการเลือกตั้งหนุนการจับจ่าย จับตานโยบายรัฐบาลใหม่ดันความเชื่อมั่นประชาชน คาดเป้าดัชนี้ปีนี้ที่ 1,720 จุด

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจหลักทรัพย์ในปี 2566 คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากสถานการณ์เศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะเศรษฐกิจโลกเริ่มคลี่คลายทั้งเรื่องเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่เศรษฐกิจในประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด ซึ่งจะช่วยสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวให้ฟื้นตัวชัดเจน

นอกจากนี้การกำหนดให้มีการเลือกตั้งในประเทศ จะช่วยส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจคึกคัก หากรัฐบาลใหม่มีเสถียรภาพ จะทำให้เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2566 กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

ภาพประกอบการแถลงข่าว บล.บัวหลวง

นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ กรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ยังมีความท้าทายจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าจะยังไม่จบลงในเดือนมีนาคม 2566 อาจยืดเยื้อไปถึงกลางปี 2566

เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐจะดีดตัวแข็งแกร่ง แต่เริ่มมีสัญญานที่ชะลอลง ในตัวเลขของการจับจ่ายในสหรัฐที่เริ่มลดลง แม้การจ้างงานยังอยู่ในระดับสูงก็ตาม ทำให้ บล.บัวหลวง มีมุมมองต่อทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ เฟด คาดว่าจะจบลงในปี 2566 นี้อย่างแน่นอน

ขณะที่ปัจจัยในประเทศไทยยังได้รับแรงหนุนใน การเตรียมจัดการเลือกตั้ง ที่จะทำให้มีเม็ดเงินในช่วงการหาเสียง รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาลใหม่คงเป็นรัฐบาลผสม คงต้องจับตานโยบายที่จะออกมาหากในภาพรวมทำให้ประชาชนมีความมั่นใจได้ว่า เศรษฐกิจในระยะข้างหน้าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ฟื้นตัวชัดเจนจากผลกระทบของ โควิด-19 ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยในปี 2566

พร้อมกันนี้ทาง บล.บัวหลวง คาดว่าเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1,720 จุด จากเดิมที่คาดไว้ที่ระดับ 1,830 จุด เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 4 ออกมาต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตามในปี 2565 ที่ผ่านมาทาง บล.บัวหลวง มีส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในตลาดหุ้น SET และตลาด mai อยู่ที่ 4.72% ลดลงจากปี 2564 ที่อยู่ระดับ 5.42% 

ส่วนแบ่งรายได้ในปี 2565 ของบริษัทอยู่ที่ 10.58% จากปี 2564 ที่ระดับ 10.49% โดยทางบริษัทให้ความสำคัญของส่วนแบ่งรายได้มากกว่าส่วนแบ่งการตลาด

ภาพประกอบ ส่วนแบ่งการตลาดและส่วนแบ่งรายได้ปี 2565

โดยที่ผ่านมามมีการผลักดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อให้สามารถนำหุ้นออกเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ช่วงต้นปี 2566 อย่าง บริษัท เมพ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) MEB ประกอบธุรกิจในการจัดจำหน่ายหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) หนังสือเสียง และอุปกรณ์อ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์

ขณะที่ล่าสุดทาง บล.บัวหลวง ยังมีบริษัทที่เตรียมเสนอขาย IPO อีกประมาณ 5 บริษัท ทั้งในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร 2 บริษัท กลุ่มยานยนต์ 2 บริษัท และกลุ่มสุขภาพ 1 บริษัท ซึ่งจะเข้าจดทะเบียนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตลาด mai