ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 32,859.03 จุด เพิ่มขึ้น 141.43 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,050.83 จุด เพิ่มขึ้น 23.02 จุด หรือ +0.57% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,013.47 จุด เพิ่มขึ้น 87.24 จุด หรือ +0.73%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.14% ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.26% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ดีดขึ้น 1.21% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.93% หุ้นแอปเปิ้ล บวก 0.99%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิปปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นอินวิเดีย พุ่งขึ้น 1.48% หุ้นเอเอ็มดี ดีดขึ้น 1.86% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.8%
ทางการสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 198,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2565 โดยระบุว่า GDP ขยายตัว 2.6% ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และ 2 ซึ่งมีการขยายตัว 2.9% และ 2.7% ตามลำดับ
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง หลังจากสื่อรายงานว่าคณะบริหารของปธน.ไบเดนได้เสนอมาตรการกำกับดูแลธนาคารขนาดกลางให้มีความเข้มงวดมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ซึ่งรวมถึงการออกกฎระเบียบให้ธนาคารกลุ่มนี้ต้องเพิ่มสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องและเพิ่มฐานเงินทุน รวมทั้งต้องเข้ารับการทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) เพื่อลดความเสี่ยงในระบบธนาคาร
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เตือนว่า แม้ขณะนี้ความเสี่ยงที่อันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในภาคธนาคาร จะอยู่ในกรอบจำกัด แต่หากวิกฤตการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อยาวนาน ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจและสถานะการคลังของสหรัฐอ่อนแอลง และจะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐในที่สุด
ทั้งนี้ ดัชนี S&P500 banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 และดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค ปรับตัวลง 0.3% และ 2% ตามลำดับ
นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.พ.ในวันนี้ เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เพราะสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าข้อมูลดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)