บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)กสิกรไทย คาดกำไรรวมไตรมาส1/2566 ของธนาคารทั้ง 7แห่งภายใต้การวิเคราะห์จะอยู่ที่ 42,194 ล้านบาทเพิ่มขึ้น
13%(QoQ)และ 4% (YOY) แรงหนุนจากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง (QoQ) และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) สูงขึ้น (YoY) โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (credit cost)ไตรมาส 1/2566 จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามหนี้เสีย (NPL) และ NIM จะลดลงเล็กน้อย QoQ จากผลกระทบของฤดูกาล
คาดว่าจะมีเพียง BBL เท่านั้นที่จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 16.5% QoQ และ 23.9% YoY จากการขยายตัวของ NIM และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้และ credit cost ที่ลดลง ขณะที่เราคาดว่า TISCO จะเป็นธนาคารเดียวที่รายงานกำไรที่อ่อนแอ QoQและ YoY เล็กน้อยที่ 2 % จากรายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) ที่คาดว่าจะอ่อนแอลง ธนาคารส่วนใหญ่จะรายงานการเติบโตของกำไร QoQ จากอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ที่ลดลง ขณะที่คาด TTB BBL และ KTB เท่านั้นที่จะรายงานกำไรที่เติบโต YOY
สินเชื่อรวมไตรมาส 1/ 2566 คาดทรงตัว หากอิงจากข้อมูลสินเชื่อรายเดือนของเดือน ม.ค.-ก.พ. คาดว่าสินเชื่อคงที่ในไตรมาส 1/2566 จากการชำระคืนเงินกู้กลุ่มธุกิจส่วนใหญ่จากสินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะหักล้างการเติบโตของสินเชื่อรายอยที่เพิ่มขึ้น คาดสินเชื่อรวมของกลุ่มธนาคารจะอยู่ที่ 11.57 ล้านล้านบาท ในไตรมาส 1/2566
อย่างไรก็ตาม กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP) คาดจะเติบโต 6% QoQ และ 7.6% YOY เป็น 8.97 หมื่นล้านบาท หนุนจาก NIM ที่สูงขึ้น YoY จากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานเพิ่มขึ้น และอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ทีลดลง QoQ จากผลกระทบตามฤดูกาล คาดว่า BBL จะรายงานการเติบโตของ PPOP ที่แข็งแกร่งและโดดเด่นในไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบกับธนาคารอื่น
ผลกระทบเชิงบวกจากการประชุม กนง.(วันที่ 29 มี.ค.66) คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เป็น 1.75% เมื่อวันที่ 29 มี.ค.66 มองผลกระทบเชิงบวกจากแถลงการณ์ของ กนง.ดังนี้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อกลุ่มธนาคารพาณิชย์ของไทย ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศษฐกิจโลก และวิกฤตของกลุ่มธนาคารในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
เลือก TTB และ KTB หุ้นเด่น
บล.กสิกรไทย ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มธนาคาร โดยเลือก TTB และ KTB เป็นหุ้นเด่น กลุ่มธนาคารจะเป็นกลุ่มหลักที่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และมูลค่าหุ้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ อิงตาม PBV ของตลาดที่ 0.62 เท่า (-1.5SD) ซึ่งได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนของภาคธนาคารโลกเท่านั้น