กูรูหุ้นแนะ ถือเงินสดกว่าครึ่ง รอจังหวะช้อน

02 เม.ย. 2566 | 13:43 น.
อัปเดตล่าสุด :02 เม.ย. 2566 | 14:13 น.

กูรูหุ้นแนะวิธีรับมือวิกฤติ เลือกหุ้น จากพื้นฐานที่มั่นคง มองภาพใหญ่ให้ออก ไม่ฝืนตลาด กล้าที่จะตัดขาดทุน จำกัดความสูญเสีย ถือเงินสดกว่าครึ่ง พร้อมช้อนซื้อทันทีที่มีโอกาส

ทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นไทยยังแกว่งตัวผันผวน จากความวิตกของนักลงทุนถึงแนวโน้มการเกิดวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคารจากทั้งฝั่งยุโรปและสหรัฐ ล่าสุดกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนว่า ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกปีที่เป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สงครามยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ย

ในงานสัมนา SET in The Rabbit Hole: หุ้นไทยปีกระต่าย 2023 จัดโดยหนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจและ Than Digital เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา ช่วง “เอาตัวรอด ปั้นพอร์ต ช่วงตลาดวิกฤติิ” ได้รับเกียรติจากนักลงทุนรุ่นใหม่ทั้งนายชนนพล ชนุหะชา เจ้าของเพจ One2Ten และนายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ นักลงทุนเจ้าของเพจ Bert Manit มาบอกเล่าประสบการณ์รับมือกับความผันผวนของตลาดหุ้น

“ชนนพล” เปิดเผยว่า สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องคำนึงในการเข้าซื้อหุ้นและมีโอกาสที่จะชนะวิกฤตคือ

  1. มีความมั่นใจในตัวบริษัท จะเห็นได้ว่า เวลาเกิดวิกฤติ ตลาดมักเกิดภาวะตื่นตระหนกหรือความกลัว แต่ทุกๆ ครั้งก็จะมีกลุ่มที่กล้าลงทุนเช่นกัน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเชื่อมั่น มั่นใจในพื้นฐานของหุ้น 
  2. มองภาพใหญ่ให้ออก เพราะเมื่อเข้าใจสถานการณ์ ปัจจัย ณ ขณะนั้น จะทำให้เห็นภาพรวมและทิศทางของตลาด เพื่อใช้ประเมินความเสี่ยง
  3. ทำตามแผนอย่างมีวินัย จะทำให้นักลงทุนรอดได้ เมื่อเกิดภาวะผิดแผนหรือลงทุนผิด ต้องรู้จักปล่อยเพื่อแปลงเป็นกระแสเงินสด
  4. กล้าตัดสินใจ ซึ่งเป็นกับดักสำคัญที่นักลงทุนส่วนใหญ่ ยังก้าวไม่พ้น โดยความกล้า มักเกิดแค่ช่วงขาขึ้นเท่านั้น จังหวะขาลง อาจต้องกล้าตัดสินใจเช่นกัน เพื่อไม่ให้เจ็บหนัก

นายชนนพล ชนุหะชา เจ้าของเพจ One2Ten

“เมื่อเกิดการขาย ก็จะเกิดการซื้อเป็น mindset สำคัญของการลงทุนที่รู้กัน ขณะเดียวกัน มีเรื่องจริงที่ว่า คนที่รวยในช่วงวิกฤติทุกคน ต่างถือเงินสด ไม่ได้ถือหุ้น”นายชนนพลกล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะวิกฤติ อยากแนะให้นักลงทุน มองหาความยั่งยืนเป็นแกนหลักในการตัดสินใจ โดยประเมินจาก

  1. งบการเงินของบริษัท
  2. ความเชื่อมั่น
  3. คุณภาพสินค้าและบริการของบริษัทนั้นๆ

ซึ่งทั้งหมดจะเป็นตัวชี้ทิศทางได้ว่า ในอนาคตหุ้นนั้น มีโอกาสฟื้นหรือไม่

“ชนนพล” ให้แนวรับสำคัญของหุ้นไทยปีนี้ไว้ที่ 1,500 จุด พร้อมแนะว่า การเข้าซื้อหุ้นในช่วงวิกฤติ จะประเมินยากว่า จุดต่ำสุดของราคาอยู่ตรงไหน แต่นักลงทุนต้องหา จุดราคาที่พอใจให้เจอ ภายใต้แกนหลักปั้นพอร์ตอย่างมั่งคั่ง หุ้นบางตัวอาจต้องถือยาวมากกว่า 2-3 ปี แต่ผลตอบแทนกำไรคุ้มค่า 50-100% ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้น ซึ่งล้วนต้องอาศัยความอดทน ว่ากันว่า การลงทุน ไม่ต่างจากการวิ่งมาราธอน เป็นการลงทุนระยะยาวถึงจะชนะ

ด้าน “มานิตย์” บอกเล่าว่า อยู่ในตลาดมา 8 ปี เป็นนักลงทุนที่เน้นเก็งกำไรหุ้นระยะสั้น 1 สัปดาห์-2 เดือน แต่ไม่ใช่เล่นรายวัน เริ่มเติบโตจากหุ้นไทย โดยถือกลยุทธว่า ถ้าจะเจ็บต้องไม่ให้เจ็บหนัก โดยตั้งเกณฑ์ไว้จะไม่ให้เสียหายเกิน 20 % แล้วต้องตัดขายจำกัดความเสียหายทันที และเมื่อได้ ก็แบ่งขายชดเชยความเสียหายเดิมก่อน

นายมานิตย์ ศรายุทธิกรณ์ นักลงทุนเจ้าของเพจ Bert Manit

“วิกฤตเป็นเรื่องที่ต้องกลัว แต่กลัวแล้วก็เหมือนแบทแมนที่กลัวค้างคาว แต่ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ชิดเพื่อเอาชนะความกลัวค้างคาว คือต้องเข้าไปเรียนรู้ไปหาความจริงในวิกฤติินั้นๆ จึงจะเอาชนะวิกฤติิได้” นายมานิตย์กล่าว

 อย่างไรก็ตาม ในทางเศรษฐกิจมีวัฏจักร 4 ระยะ คือ ระยะฟื้นตัว เป็นช่วงขาขึ้นของตลาด ทุกอย่างอยู่ในช่วงเติบโต เมื่อโตขึ้นไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นช่วงเฟื่องฟู เกิดการลงทุน มีการเก็งกำไร จนถึงขีดสุด เมื่อเก็งกำไรมากเข้าๆ ที่สุดก็เป็นฟองสบู่ที่ต้องแตก เกิดภาวะถดถอย มีความเสียหายต่างๆ กลายเป็นภาวะตกต่ำ ซึ่งเมื่อถึงจุดต่ำสุดแล้ว ในที่สุดก็จะเริ่มกลับมาฟื้นอีกรอบ เป็นวัฏจักรที่ต้องเกิด

 เทคนิคการเล่นหุ้นคือ ต้องเข้าใจกรอบใหญ่ของวัฏจักรเศรษฐกิจ ประกอบกับการดูทิศทางหรือแนวโน้มรายสัปดาห์หรือรายเดือน และเมื่อเห็นแนวโน้มแล้วต้องกล้าตัดสินใจ ถ้าทิศทางมีแนวโน้มจะลง ก็ต้องกล้า Cut Lose ตัดขายเพื่อจำกัดความเสียหาย

 กลยุทธ์การลงทุนหุ้นในช่วงวิกฤติิ จึงต้องยึดหลัก 4 ประการ คือ

  1. ยอมแพ้ให้เป็น นักลงทุนต้องมีเซอร์กิต เบรกเกอร์ของตนเอง เมื่อหุ้นขาลงถึงจุดที่ตั้งไว้ต้องกล้าตัดสินใจ Cut Lose ขายออกจำกัดไม่ให้เสียหายเพิ่ม
  2. เดินหน้าค้นหาความจริงของวิกฤติิ ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เป็นเรื่องชั่วคราวหรือระยะยาว เพื่อจะตั้งรับได้
  3. เลือกหุ้นที่ไม่เกี่ยวหรือไม่ได้รับกระทบจากวิกฤติิ มีประสิทธิภาพ ราคาปรับลดมาถึงจุดที่น่าสนใจเข้าลงทุน
  4. เห็นโอกาสแล้วต้องมีเงินสดในมือพอที่จะลงทุนซึ่งก็คือเมื่อราคาขึ้นถึงเกณฑ์ที่ตั้งก็แบ่งขายทำกำไรเพื่อถือเงินสด หรือถ้าขาลงถึงจุดที่ต้อง Cut Lose ก็ต้องรีบขายเพื่อไม่ให้เสียหายหนักเกินกำลัง

สำหรับสถานการณ์ตลาดหุ้นเวลานี้ “มานิตย์” รับว่า ถือเงินสดไว้เยอะหน่อย ประมาณ 50% ยังไม่จัดหนัก เกาะติดข่าวสารให้พร้อมช้อนได้ทันทีที่มีโอกาส

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,875 วันที่ 2 - 5 เมษายน พ.ศ. 2566