การซื้อขายหุ้นไทย แยกตามกลุ่มนักลงทุน ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ในเดือนมีนาคม 2566 นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย 31,708.44 ล้านบาท และนับจากต้นปี 2566 (1 ม.ค. - 1 เม.ย. 66 ) ขายสุทธิแล้ว 55,558.72 ล้านบาท
ทั้งนี้จากข้อมูลการซื้อขายหุ้นไทย ผ่านบัญชี “เอ็นวีดีอาร์” (NVDR) พบว่าในเดือนมีนาคม 2566 หุ้นที่ครองแชมป์ ต่างชาติซื้อมากที่สุดคือ หุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน ) หรือ PTTEP ด้วยมูลค่า 1,391.2 ล้านบาท ตามด้วย บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด ( มหาชน) หรือ MAKRO มูลค่า 1,320.6 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่ถูกขายมากสุดในเดือนนี้ ยังคงเป็น ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK มูลค่าขายสุทธิ 4,018.7 ล้านบาท
ส่วนหุ้นที่ต่างชาติซื้อขายผ่าน NVDR สูงสุดในไตรมาสแรกปีนี้ (1 ม.ค.- 31 มี.ค.66 ) คือหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มูลค่าสุทธิ 6,023.0 ล้านบาท ขณะที่หุ้น KBANK ยังคงถูกขายมากสุดมูลค่าสุทธิ 10,205.3 ล้านบาท
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ระบุว่าได้ปรับมุมมองหุ้น PTTEP เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม"ขาย" โดยคาดกำไรสุทธิ PTTEP ไตรมาส 1/66 อยู่ราว 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% (QoQ ) รับผลบวกจากค่าใช้จ่ายพิเศษที่ลดลงมีนัยฯ แต่หากพิจารณามกำไรปกติคาดลดลง 8.1% (QoQ) มาอยู่ราว 2.06 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยน้ำมันที่ลดลง ส่วนแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 คาดจะลดลง QoQ
เบื้องต้นคงประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 178 บาทต่อหุ้น ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 66 และตั้งแต่ปี 67 ที่ 90 และ 75 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผ่านการปรับฐานสะท้อนแรงกดดันก่อนหน้ามาแล้วระดับหนึ่ง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกซึ่งน่าจะเป็นบวกโดยตรงต่อความต้องการใช้ รวมถึง supply ที่ตึงตัวมากขึ้นจากปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่จบ อีกทั้งยังมีการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ เข้ามาประคองราคาน้ำมัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุน
ช่วงสั้นจึงเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 178.00 บาท อัพไซด์ 18.3 % โดยอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.3%
บล.พาย มีมุมมอง PTTEPโดยให้ราคาพื้นฐาน 175.00 บาท ระยะสั้นได้ปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนแนวโน้มผลประกอบการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ยังแข็งแกร่งด้วยการเติบโต QoQ จากการขาดหายไปของขาดทุนพิเศษครั้งเดียว แต่กำไรปกติจะอ่อนตัว Q๐Q เพราะปริมาณขายที่ลดลง (-6% Q0Q อิงแนวทางผู้บริหารที่ 472kboed สำหรับไตรมาส 1/23) ด้วยคาดการณ์ว่าอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ไร้สมดุลในปี 2566
ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ แนะถือ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 163 บาท คาด กําไรสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่กําไรปกติลดลง QoQ ปริมาณขายและราคาขายที่ลดลงตามราคาน้ำมัน