เปิด10 หุ้น NVDR ต่างชาติซื้อขายสะสม ประจำเดือนมีนาคม

04 เม.ย. 2566 | 02:49 น.
อัปเดตล่าสุด :05 เม.ย. 2566 | 00:37 น.

ต่างชาติยังคงเทขายหุ้นไทย ต้นปี 66 มาขายสุทธิกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เปิด 10 อันดับหุ้น ที่ซื้อขายสะสมเดือนมี.ค.สูงสุด " PTTEP" มาแรงยอดซื้อกว่า 1.39 พันล้านบาท ส่วนหุ้น KBANK ถูกขายกว่า 4.01 พันล้านบาท

 

การซื้อขายหุ้นไทย แยกตามกลุ่มนักลงทุน ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) พบว่า ในเดือนมีนาคม 2566 นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย 31,708.44 ล้านบาท และนับจากต้นปี 2566 (1 ม.ค. - 1 เม.ย. 66 ) ขายสุทธิแล้ว 55,558.72 ล้านบาท 

ทั้งนี้จากข้อมูลการซื้อขายหุ้นไทย ผ่านบัญชี “เอ็นวีดีอาร์” (NVDR) พบว่าในเดือนมีนาคม 2566 หุ้นที่ครองแชมป์ ต่างชาติซื้อมากที่สุดคือ หุ้นบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน ) หรือ PTTEP ด้วยมูลค่า 1,391.2 ล้านบาท ตามด้วย บริษัทสยามแม็คโคร จำกัด ( มหาชน) หรือ MAKRO มูลค่า 1,320.6 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่ถูกขายมากสุดในเดือนนี้ ยังคงเป็น ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBANK มูลค่าขายสุทธิ 4,018.7 ล้านบาท

 

ส่วนหุ้นที่ต่างชาติซื้อขายผ่าน NVDR สูงสุดในไตรมาสแรกปีนี้ (1 ม.ค.- 31 มี.ค.66 )  คือหุ้น บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL มูลค่าสุทธิ 6,023.0 ล้านบาท ขณะที่หุ้น KBANK ยังคงถูกขายมากสุดมูลค่าสุทธิ 10,205.3 ล้านบาท

 

เปิด10 หุ้น NVDR ต่างชาติซื้อขายสะสม ประจำเดือนมีนาคม

 

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ระบุว่าได้ปรับมุมมองหุ้น PTTEP เพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม"ขาย" โดยคาดกำไรสุทธิ PTTEP ไตรมาส 1/66 อยู่ราว 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% (QoQ ) รับผลบวกจากค่าใช้จ่ายพิเศษที่ลดลงมีนัยฯ แต่หากพิจารณามกำไรปกติคาดลดลง 8.1% (QoQ)  มาอยู่ราว 2.06 หมื่นล้านบาท เป็นไปตามปริมาณขาย และราคาขายเฉลี่ยน้ำมันที่ลดลง ส่วนแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/66 คาดจะลดลง QoQ

เบื้องต้นคงประมาณการ และมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 178 บาทต่อหุ้น ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปี 66 และตั้งแต่ปี 67 ที่ 90 และ 75 เหรียญฯต่อบาร์เรล ราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมาถือว่าผ่านการปรับฐานสะท้อนแรงกดดันก่อนหน้ามาแล้วระดับหนึ่ง ประกอบกับทิศทางเศรษฐกิจที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกซึ่งน่าจะเป็นบวกโดยตรงต่อความต้องการใช้ รวมถึง supply ที่ตึงตัวมากขึ้นจากปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง และสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังไม่จบ อีกทั้งยังมีการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ เข้ามาประคองราคาน้ำมัน ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาหนุน

ช่วงสั้นจึงเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ขาย” ที่ราคาเป้าหมาย 178.00 บาท อัพไซด์ 18.3 % โดยอัตราเงินปันผลตอบแทน 4.3%

บล.พาย มีมุมมอง PTTEPโดยให้ราคาพื้นฐาน 175.00 บาท ระยะสั้นได้ปัจจัยบวกจากการที่ราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับเพิ่มขึ้น 6.8% ส่วนแนวโน้มผลประกอบการคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/23 ยังแข็งแกร่งด้วยการเติบโต QoQ จากการขาดหายไปของขาดทุนพิเศษครั้งเดียว แต่กำไรปกติจะอ่อนตัว Q๐Q เพราะปริมาณขายที่ลดลง (-6% Q0Q อิงแนวทางผู้บริหารที่ 472kboed สำหรับไตรมาส 1/23) ด้วยคาดการณ์ว่าอุปสงค์และอุปทานน้ำมันดิบโลกที่ไร้สมดุลในปี 2566

ขณะที่ บล.ทรีนีตี้ แนะถือ PTTEP ให้ราคาเป้าหมาย 163 บาท คาด กําไรสุทธิ 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ แต่กําไรปกติลดลง QoQ ปริมาณขายและราคาขายที่ลดลงตามราคาน้ำมัน