ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส หรือ ASPS ได้นำเสนอ Outlook ผลประกอบการไตรมาส 1/2566 รายกลุ่มอุตสาหกรรมได้แก่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทย (BANK ) และ กลุ่มท่องเที่ยว ( TOURISM ) รายละเอียดดังนี้
กลุ่มธนาคารพาณิชย์
ฝ่ายวิจัยเอเซียพลัส ให้น้ำหนักลงทุนเท่าตลาด (Neutral) คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/2566 เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้านี้ (+QoQ ) และจากช่วงเดียวกันของปี 2565 (+YoY )
หลังเข้าสู่ฤดูกาลประกาศงบกลุ่มธนาคาร เริ่มธนาคารพาณิชย์ (ธ.พ.) แรก คือ บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) ในวันที่ 18 เม.ย. 2566 ก่อนจะปิดท้ายด้วย ธ.พ.ใหญ่ อย่าง บมจ.ธนาคารกสิกรไทย ( KBANK) และ บมจ.ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) วันที่ 21 เม.ย.2566 โดยแนวโน้มกำไรสุทธิกลุ่มฯ (8 ธนาคาร) งวดไตรมาส1/66 คาดอยู่ที่ 5.4 หมื่นล้านบาท เติบโต 34% QoQ และ +5% YoY ขับเคลื่อนด้วยรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ของ ธ.พ.ใหญ่ รวมถึงค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลงตามฤดูกาล อีกทั้ง Credit Cost ของ KBANK ต่ำลงจากฐานสูงงวดก่อน
หากกำไรสุทธิกลุ่มฯไตรมาส 1/2566 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็นสัดส่วนราว 25% ของประมาณการกำไรกลุ่มฯ ของฝ่ายวิจัย และ Bloomberg Consensus (ณ 6 เม.ย.66) ปี 2566 บ่งชี้โอกาสในการ Upgrade Earning อย่างมีนัยฯต่ำ มองว่ากรณีที่จะมี Upgrade Earning กำไรสุทธิไตรมาส1/66 อาจจะต้องคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 30% ของคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี
ภายหลังอัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยอยู่ที่ 1.75% ถือเป็นระดับเดียวกับต้นปี 2562 ขณะที่ CPI และ PPI มี.ค.2566 ลดลง MoM จึงคาดใกล้ถึงปลายทางดอกเบี้ยขาขึ้นไทย แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายไทยไม่ได้ขึ้นสูงเท่าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศ คาดดอกเบี้ยไทย
ยังไม่กลับทิศทาง พื้นฐานบวกต่อรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) ปี 2566 ของ ธ.พ.ใหญ่
เท่าตลาด จาก Regulatory Risk และ Macro Risk แต่ด้วย PBV ซื้อขายไม่แพงที่ 0.67เท่า ถือว่าสมเหตุสมผล โดยยังให้น้ำหนักไปที่คุณภาพสินทรัพย์สำหรับ ธ.พ.ใหญ่ เรียงดังนี้
ส่วน ธ.พ. เล็กเลือก
กลุ่ม TOURISM
กลุ่ม TOURISM ให้น้ำหนักเท่าตลาด (Neutral) และกำไรไตรมาส1/2566 ทรงตัว QoQ / +YoY
ทิศทางการดำเนินงานหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวไตรมาส1/66 เบื้องต้นกลุ่มที่มีโครงสร้างรายได้จากไทยเป็นหลัก อย่าง บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) , บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) และ บมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป (ERW) มองว่าแนวโน้มรายได้มีแรงหนุนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยงวดไตรมาส1/66 เบื้องต้นที่ประมาณ 6.5 ล้านคนเพิ่ม 18% QoQ และ 1,199% YoY (ฟื้นตัวสู่ระดับ 60% ของงวด 1Q62) คาดบวกต่อเนื่องถึง Economies of scale ผลักดัน Margin ให้ดีขึ้น
ในทางตรงข้าม บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ที่มีโครงสร้างรายได้ประมาณ 50% มาจาก NH Hotel ใน EU ชะลอ QoQ (+ YoY) เพราะเป็นช่วง Low Season ของการเดินทางใน EU ในขณะที่ไตรมาส2/66 คาดการณ์ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทยชะลอตัวเล็กน้อย QoQ (+YoY) หลังผ่าน High Season ของการท่องเที่ยวไทย แต่มีปัจจัยมาช่วยประคองไม่ให้ลด QoQ มากนัก เนื่องจากการเริ่มเปิดประเทศของจีนตั้งแต่ต้นปี
ภาพดังกล่าว ประเมินส่งผลให้การดำเนินงานบริษัทที่มีโครงสร้างรายได้จากไทยเป็นหลักอย่าง CENTEL (โรงแรมในมัลดีฟส์เป็น Low Season ด้วยเช่นกัน) และ ERW ชะลอตัว QoQ (+YoY) อย่างไรก็ตามมองว่า MINT การดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2566 จะ Outperform กลุ่มฯขับเคลื่อนด้วย High Season ของการเดินทางใน EU นอกจากนี้ AOT มีลุ้นเชิง QoQ จากส่วนลดให้กับคู่ค้าทั้งสายการบินและการบริหารพื้นที่ในสนามบิน ทยอยหมดลงตั้งแต่ 1 เม.ย.2566
ด้วยหุ้น Reopening (สนามบิน, โรงแรม, ศูนย์การค้า และร้านอาหาร) นับตั้งแต่ไทยมีแผนเปิดประเทศตั้งแต่สิ้นปี 2564 ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สะท้อนผ่าน SETHOTEL Index ตั้งแต่สิ้นปี 2564 ถึง 7 เม.ย. 2566 ปรับตัวเพิ่ม 46% ตรงข้ามกับ SET Index ช่วงเดียวกันที่ติดลบ 4.9% นำโดย CENTEL (+78%), ERW (+61%), AOT (+18%) และ MINT (+7%)
ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนหุ้นกลุ่ม Reopening จึงมองไปที่หุ้นที่ราคายังปรับตัวขึ้นไม่มากเท่ากลุ่มฯ กอปรกับงวด เม.ย. – มิ.ย. 2566 ผลการดำเนินงานมีโอกาสทำได้ดีกว่ากลุ่มฯ ตามที่กล่าวข้างต้น น่าจะมี Risk to reward น่าสนใจกว่า อย่าง