หลังการประกาศวันเลือกตั้ง ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ทำให้ประเทศไทยจะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งที่จะมาถึง ทำให้หลายบริษัทหลักทรัพย์ได้ประเมินว่า จะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม ค้าปลีก ไฟแนนซ์ และผลิตสื่อ ที่จะได้รับอานิสงส์จากการเลือกตั้งหาเสียงในช่วงนี้
บริษัทหลักทรัพย์(บล.) บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ในช่วงของการเลือกตั้ง ประเมินว่าจะเป็นตัวกระตุ้นเชิงบวกในระยะสั้น สำหรับกลุ่มหุ้น Domestic Play เนื่องจากเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงหาเสียง และช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
มองกลุ่มหุ้นที่จะได้ประโยชน์ คือ กลุ่มค้าปลีก, อาหารและเครื่องดื่ม, ไฟแนนซ์ รวมถึงจะมีบางบริษัทที่ได้รับผลบวก จากการได้รับงานพิมพ์บัตรเลือกตั้ง ขณะที่หุ้นพลังงาน รับอานิสงส์จากนโยบายพรรคการเมือง
ด้านบล.เอเซียพลัส ระบุว่า ในช่วงการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทย จะมีหุ้นหลายกลุ่มที่จะได้รับกระแสเชิงบวกจากนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมือง
ซึ่งจะส่งผลดีต่อกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, ธนาคาร และอื่นๆ รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติมทั้งกลุ่ม ICT, สุขภาพและบริการ รวมทั้งก่อสร้าง
ขณะที่ บล.หยวนต้า ประเมินว่า นโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของแต่ละพรรคการเมือง จะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์, อาหารและเครื่องดื่ม, อุปโภคบริโภค รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ จากนโยบายสนับสนุนการใช้ Solar rooftop
ขณะเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทย มองว่า การเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในระยะสั้น อีกทั้ง หากจัดตั้งรัฐบาลได้รวดเร็ว จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นในส่วนของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้หากเป็นพรรครัฐบาลชุดใหม่ ต้องติดตามเรื่องนโยบายการบริหาร ส่วนนโยบายเก่าบางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท และทิศทาง Fund Flow
อย่างไรก็ตามการเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นไทยในระยะสั้น สอดคล้องกับสถิติในอดีตที่หุ้นไทยมักตอบสนองเชิงบวกต่อการเลือกตั้งในช่วง 1-3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง และตลาดหุ้นไทยมักจะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.3%-5.6% ในช่วงเวลาดังกล่าว