นายรุ่งนิรันดร์ ตั้งสุรกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไบโอ กรีน เอ็นเนอร์ยี่ เทค จำกัด (มหาชน) หรือ “BIOTEC” เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 มีมติอนุมัติให้บริษัทจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 1,018,600,762 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 3 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2 (BIOTEC-W2) พร้อมทั้งอนุมัติให้ออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯครั้งที่ 2 (BIOTEC-W2) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 1,018,600,762 หน่วย ตามสัดส่วนการจัดสรรในอัตรา 3 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฯ และ 3 หุ้นบุริมสิทธิเดิม ต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ
“สำหรับผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิ BIOTEC-W2 สามารถใช้สิทธิแปลงทั้งจำนวนได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือนมีนาคม ,เดือนมิถุนายน ,เดือนกันยายน และ เดือนธันวาคม ตามอายุไม่เกิน 2 ปี 10 เดือน นับแต่วันที่ออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยมีอัตราการใช้สิทธิ เท่ากับ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น และราคาการใช้สิทธิ 0.50 บาท”
นอกจากนี้ ได้อนุมัติออกและเสนอขายหุ้นกู้ ในวงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ หรือใช้เพื่อเข้าลงทุนเพิ่มเติมบริษัทในเครือ หรือในธุรกิจอื่น ๆ สำหรับหุ้นกู้ดังกล่าวมีอายุไม่เกิน 5 ปี
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ กรรมการผู้จัดการ BIOTEC กล่าวเพิ่มว่า บริษัทฯ เดินหน้าปรับกลยุทธ์แบบเชิงรุกในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล และกลีเซอรีน โดยมีการพัฒนาต่อยอดในส่วนธุรกิจด้านกลีเซอรีน เนื่องจากเล็งเห็นว่าผลิตภัณฑ์กลีเซอรีนบริสุทธิ์ มีดีมานด์ความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดในต่างประเทศ อาทิ จีน เกาหลี ไต้หวัน เป็นต้น เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการนำกลีเซอรีน บริสุทธิ์ ไปผสมในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์ ดังนั้นบริษัทฯจึงสบช่องทางในการต่อยอดผลิตภัณฑ์ดังกล่าว เพื่อเพิ่มมาร์จิ้น และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯในอนาคต
ดังนั้นเมื่อนำกลีเซอรีนดิบ เข้าสู่กระบวนการกลั่นออกมาเป็นกลีเซอรีนบริสุทธิ์ เพื่อจำหน่ายสำหรับใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สารเคมี อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร เวชภัณฑ์ เครื่องสำอางค์ สบู่ จะสามารถสร้างเพิ่มมูลค่ากลีเซอรีนบริสุทธิ์ ได้สูงขึ้นกว่า 3 เท่าตัว จากเดิมที่จำหน่ายกลีเซอรีนดิบได้ในราคาต่ำ ทั้งนี้ จากแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจในปี 2566 ส่งผลให้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4,455 ล้านบาท และมีกำไรสูงอยู่ที่ 163 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯได้สยายปีกต่อยอดธุรกิจสู่ธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยล่าสุด ศึกษาการลงทุนในโครงการพัฒนาและนำเข้าลิเธียมแบตเตอรี่ ประเภท Solid-state battery เพื่อเป็นระบบอุปกรณ์กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์สำหรับการใช้งานในภาคครัวเรือน รวมถึงสถานีชาร์ตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าตามสถานีน้ำมัน และในอนาคตจะร่วมกันศึกษาในเฟส 2 ในความร่วมมือก่อสร้างโรงงานประกอบชิ้นส่วน Battery Energy Storage ในประเทศไทย
“การที่บริษัทฯลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เนื่องจากบริษัทฯเล็งเห็นถึง เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่มีการมุ่งเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด แทนการพึ่งพิงกระบวนการผลิตแบบเดิมจากเชื้อเพลิงฟอสซิล เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษและสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการลดภาระค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านพักอาศัยให้มีราคาต่ำลง ที่สำคัญ ยังสนับสนุนเป้าหมายบริษัทฯเติบโตและพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว เนื่องจากการเข้าไปลงทุนดังกล่าวเป็นการกระจายความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบในอุตสาหกรรมไบโอดีเซล รวมถึงลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการแทรกแซงของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในอนาคต”