วันที่ 9 พฤษภาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นไทย ไปได้ต่อ ภาพรวมลุ้นจุดกลับตัว
ดัชนี SET สร้างสัญญาณเทคนิคที่เป็นบวกกลับมาฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่น ซึ่งวันนี้คาดว่าโมเมนตัมยังเป็นบวกปรับขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้านถัดไปที่ 1575 และ 1595 จุด ตามลำดับ ส่วนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1540-1550 จุด ที่คาดยังรองรับได้ และภาพรวมมองไปถึงมีโอกาสเกิดจุดกลับตัวแล้ว โดยมีจุดติดตามบริเวณ 1533 จุด ซึ่งไม่ควรต่ำกว่า
กลยุทธ์การลงทุน
บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด มองช่วงสั้นดัชนี SET จะเคลื่อนไหวในกรอบ เนื่องจากเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และยังรอดูผลประกอบการ 1Q66 ของกลุ่ม Real Sector ที่กำลังทยอยประกาศในเดือน พ.ค. นี้ ขณะที่ FED ส่งสัญญาณหยุดขึ้นดอกเบี้ยมองตลาดรับรู้เศรษฐกิจถดถอยแต่ไม่รุนแรงเกินที่คาดไว้ (Soft Landing) แต่ยังมีความเสี่ยงประเด็นเพดานหนี้ รวมทั้งฐานะการเงินของธนาคาร
ขนาดกลางและเล็กของสหรัฐฯ
ดังนั้นกลยุทธ์จึงแนะนำให้ “Selective Buy”
หุ้นแนะนำวันนี้
OSP : 1Q66 คาดกำไรสุทธิลดลง 11.2%YoY แต่เพิ่มขึ้น 98%QoQ จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นและเงินปันผลจาก Unicharm ขณะที่ปี 2566 คาดกำไรสุทธิเติบโตสูง 43.8%YoY จากรายได้ฟื้นตัวและมาร์จิ้นดีขึ้นจากต้นทุนลดลง และทวงคืนส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มบำรุง
AOT : มองกำไร 2QFY66 จะแข็งแกร่งขึ้นจากจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และจะเติบโตก้าวกระโดดใน 3QFY66 หลังกลับมาเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำในวันที่ 1 เม.ย. หลังจากมาตรการช่วยเหลือสายการบินและผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์สิ้นสุดลง
บล.กรุงศรี พัฒนสิน รายงานภาวะตลาดหุ้นไทยว่า ดัชนี SET Index วานนี้ ( 8 พ.ค.66 ) พุ่งกว่า 29 จุด นักลงทุนคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอขึ้นดอกเบี้ย และซื้อดักธีมเลือกตั้ง อีกทั้งมีแรงซื้อคืนจาก Cover Short ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ประเมินดัชนีแกว่งตัว 1,555-1,570 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากกลุ่ม Domestic play ก่อนการเลือกตั้งของไทย 14 พ.ค.นี้
หุ้นแนะนำวันนี้
KBANK : (ปิด 129.50 ซื้อ/เป้า 160 บาท) เป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อของ Fund flow ต่างชาติ ราคาหุ้นยัง Laggard หากเทียบกับกลุ่มโดย YTD KBANK-12% ขณะที่ ฺBBL+9.5%, KTB+5.6%, SCB-1.4%
GPSC : (ปิด 66 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 79 บาท) แจ้งงบ 1Q23 มีกำไรดีเกินคาด โดยมีกำไรสุทธิที่ 1,118 ล้านบาทจากขาดทุน 436 ล้านบาทใน 4Q22 เพิ่มขึ้น 257%yoy และมากกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 967 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+/-) จับตาตัวเลขส่งออก/นำเข้าของจีนบ่งชี้ทิศทางการส่งออกของไทย: เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของไทยหากภาคการค้าของจีนฟื้นตัวจะส่งผลบวกต่อยอดส่งออกของไทยโดยตรง เบื้องต้น Consensus คาดยอดส่งออกเดือน เม.ย.ของจีนเดือน เม.ย. จะเพิ่มขึ้น 14.8%yoy ส่วนยอดนำเข้าคาดทรงตัว yoy ดีขึ้นจาก มี.ค.ที่หดตัว 1.4%yoy
(+) อัตราเงินเฟ้อสหรัฐมีแนวโน้มลดลงแต่ไปอย่างช้าๆ: Consensus คาดอัตราเงินเฟ้อ (Headline CPI) ของสหรัฐเดือน เม.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 5% เหมือนกับเดือน มี.ค. ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.5% จาก 5.6% ในเดือน มี.ค. (อัตราเงินเฟ้อที่ลดช้าเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของค่าเช่าและค่าจ้างแรงงานซึ่งต้องใช้เวลา)
(+) ราคาน้ำมันดิบบวกต่อเนื่องนักลงทุนคลายกังวล ศก. ถดถอย: ราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 1.82 ดอลลาร์ หรือ 2.55% ปิดที่ 73.16 ดอลลาร์/บาร์เรล ปัจจัยบวกยังเป็นเรื่องเดิมคือนักลงทุนคลายกังวลกับภาวะ ศก.ถดถอย หลังจากที่ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือน เม.ย. ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ปัจจัยนี้จะยังช่วยหนุน Sentiment การลงทุนของหุ้นในกลุ่มน้ำมัน โรงกลั่นและปิโตรฯต่อ