นับถอยหลัง"เลือกตั้ง 2566" ที่จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ และคาดจะทราบผลคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการครบทุกเขต ภายในค่ำวันเดียวกัน
ในทิศทางตลาดหุ้นไทย หลังการเลือกตั้ง นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวกับ ฐานเศรษฐกิจ โดยให้มุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทย หากผลคะแนนออกมาใน 3 กรณี (scenario) คือ
อย่างไรก็ดี หากนอกเหนือจาก 3 กรณี อาทิ กรณีพรรคฝ่ายเสรีนิยมอันดับ 1 ได้เสียงจาก ส.ส.น้อย และจับมือร่วมกับพรรคอื่นแล้ว ยังได้เสียงเกิน 250 ไม่มาก หรือเสียงก้ำกึ่งในสภา ฯ ก็อาจเกิดปรากฏการณ์ " Sell on Fact" ในตลาดได้ จนส่งผลต่อราคาหุ้น
นายณัฐชาต กล่าวต่อว่า จากสถิติการเลือกตั้งไทยในอดีต ตั้งแต่ปี 2535 เป็นต้นมา พบว่าตลาดหุ้นไทย หลังการเลือกตั้ง 1 สัปดาห์ มีโอกาสปรับตัวขึ้น 3.2% ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร
" ถ้ามองจากสถิติในอดีต ก็หมายความว่า ตลาดหุ้นสัปดาห์หน้า ( 15 - 19 พ.ค. 66 ) มีโอกาสปรับขึ้น 3.2% จากดัชนี SET ปิดตลาดวันศุกร์นี้ (12 พ.ค. 66 ) อย่างไรก็ดี หากพรรครัฐบาลมีเสียงเกิน 375 ตั้งรัฐบาลเดียว หรือมีเสียงจากอันดับ 1 เกิน 250 เสียง และรวมกับอันดับ 2 แล้วเกิน 375 เสียง จนปิดสวิตช์ ส.ว. สามารถตกลงจัดสรรตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ การตอบรับของหุ้นไทย มีโอกาสขยับขึ้นต่อเนื่องนาน 3- 6 เดือนหรือมากกว่าได้ ยกเว้นแต่ เสียงจะออกมาจะก้ำกึ่ง ปริ่มน้ำ ก็อาจเป็นผลลบต่อตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์ 15 พ.ค.66 "
กลุยุทธ์ลงทุนระยะสั้น : นายณัฐชาต กล่าวว่า สำหรับใครที่ถือหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้ง หรือลงทุนแถวระดับดัชนี SET แถว 1520 -1530 จุด หากมีกำไร แนะให้ทยอยขายออก 1 ใน 3 ของพอร์ตในสัปดาห์นี้ และในสัปดาห์หน้า หากเป็นไปตามข้อสมมุติฐานใน 3 scenario จึงปล่อยขายอีก 1 ใน 3 เพื่อทำกำไร ส่วนที่เหลือจะถือต่อหรือหาจังหวะขายทำกำไรก็ได้